ในยุคที่ผู้บริโภคหันมาใส่ใจสุขภาพและความงามจากภายในสู่ภายนอกมากขึ้น ส่วนผสมจากธรรมชาติและสารสกัดที่มีงานวิจัยรองรับจึงได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก บทความนี้จะพาคุณไปเจาะลึกวัตถุดิบยอดนิยมที่กำลังมาแรงในตลาดเครื่องสำอาง เพื่อเป็นแนวทางในการเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่ตอบโจทย์ความต้องการของคุณ
สารสกัดจาก Centella Asiatica (Cica)
- Cica หรือ (ใบบัวบก) เป็นสมุนไพรที่มีสรรพคุณในการปลอบประโลมผิว ลดการอักเสบ และกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน ทำให้ผิวแข็งแรงและสุขภาพดี
- เหมาะสำหรับ: ผู้ที่มีผิวแพ้ง่าย ผิวเป็นสิว และผิวที่ต้องการการฟื้นฟู
สรรพคุณของ Centella Asiatica (Cica)
- ปลอบประโลมผิว
- Cica มีคุณสมบัติในการลดการอักเสบและการระคายเคืองของผิว เหมาะสำหรับผิวบอบบางและแพ้ง่าย
- ช่วยบรรเทาอาการแดงและการอักเสบจากสิว
- สมานแผล
- Cica ช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนและเร่งกระบวนการสมานแผล ทำให้ผิวกลับมาแข็งแรงและเรียบเนียน
- ช่วยลดเลือนรอยแผลเป็น
- ต้านอนุมูลอิสระ
- Cica มีสารต้านอนุมูลอิสระที่ช่วยปกป้องผิวจากความเสียหายจากมลภาวะและรังสียูวี
- ช่วยชะลอการเกิดริ้วรอย
- ให้ความชุ่มชื้น
- Cica ช่วยเสริมสร้างเกราะป้องกันผิว ทำให้ผิวเก็บกักความชุ่มชื้นได้ดีขึ้น
- เหมาะสำหรับผิวแห้งและขาดน้ำ
ผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางที่มีส่วนผสมของ Cica
ทำไม Cica ถึงเป็นที่นิยม
- Cica เป็นสารสกัดจากธรรมชาติที่อ่อนโยนต่อผิว
- มีสรรพคุณที่หลากหลายและครอบคลุมปัญหาผิวหลายประการ
- ได้รับการยอมรับจากผู้เชี่ยวชาญด้านผิวหนัง
- คนไทยรู้จักกันในชื่อใบบัวบก ซึ่งคุ้นเคยกันดี
สารสกัดจาก Niacinamide (วิตามินบี 3)
- Niacinamide เป็นวิตามินที่ช่วยลดเลือนริ้วรอย ลดรอยแดง รอยดำ และควบคุมความมันบนใบหน้า นอกจากนี้ยังช่วยเสริมสร้างเกราะป้องกันผิวให้แข็งแรง
- เหมาะสำหรับ: ผู้ที่มีปัญหาริ้วรอย สีผิวไม่สม่ำเสมอ และผิวมัน
Niacinamide หรือวิตามินบี 3 เป็นสารสกัดที่ได้รับความนิยมอย่างมากในวงการสกินแคร์ เพราะมีคุณสมบัติที่หลากหลายและอ่อนโยนต่อผิว นี่คือข้อมูลเกี่ยวกับสารสกัด Niacinamide
คุณสมบัติและประโยชน์
- ลดเลือนริ้วรอยและความหมองคล้ำ
- Niacinamide ช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนและเซราไมด์ ทำให้ผิวดูอ่อนเยาว์และกระจ่างใส
- ช่วยลดเลือนจุดด่างดำ รอยแดง และสีผิวไม่สม่ำเสมอ
- ควบคุมความมันและกระชับรูขุมขน
- ช่วยปรับสมดุลการผลิตน้ำมันในผิว ทำให้ผิวมีความมันลดลง
- ช่วยกระชับรูขุมขนให้เล็กลง ผิวดูเรียบเนียนขึ้น
- เสริมสร้างเกราะป้องกันผิว
- ช่วยเสริมสร้างเกราะป้องกันผิว ทำให้ผิวแข็งแรงและลดการสูญเสียความชุ่มชื้น
- ช่วยลดอาการระคายเคืองและการอักเสบของผิว
- ลดปัญหาสิว
- มีคุณสมบัติในการลดการอักเสบ ช่วยลดการเกิดสิว
- ช่วยลดรอยแดงจากสิว
ข้อดีของ Niacinamide
- อ่อนโยนต่อผิว สามารถใช้ได้กับทุกสภาพผิว รวมถึงผิวแพ้ง่าย
- มีประสิทธิภาพในการแก้ไขปัญหาผิวได้หลากหลาย
- สามารถใช้ร่วมกับสารสกัดอื่นๆ ได้อย่างปลอดภัย
ผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของ Niacinamide
- เซรั่ม
- โทนเนอร์
- ครีมบำรุงผิว
- มาส์กหน้า
สารสกัดจาก Hyaluronic Acid
- Hyaluronic Acid เป็นสารที่ช่วยกักเก็บความชุ่มชื้นให้ผิว ทำให้ผิวดูอิ่มน้ำ เต่งตึง และลดเลือนริ้วรอย
- เหมาะสำหรับ: ผู้ที่มีผิวแห้ง ผิวขาดน้ำ และผิวที่ต้องการความชุ่มชื้น
Hyaluronic Acid (HA) หรือ กรดไฮยาลูโรนิก เป็นสารที่ร่างกายสามารถสร้างขึ้นได้เองตามธรรมชาติ โดยพบมากบริเวณผิวหนัง ข้อต่อ และดวงตา มีคุณสมบัติเด่นคือการอุ้มน้ำได้ดีมาก จึงเป็นส่วนผสมที่ได้รับความนิยมในผลิตภัณฑ์ดูแลผิว เพื่อช่วยเติมความชุ่มชื้นและลดเลือนริ้วรอย
คุณสมบัติและประโยชน์
- เติมความชุ่มชื้น
- HA มีความสามารถในการกักเก็บน้ำได้มากกว่าน้ำหนักตัวถึง 1,000 เท่า จึงช่วยเติมความชุ่มชื้นให้ผิวได้อย่างล้ำลึก
- ช่วยให้ผิวอิ่มน้ำ เด้งฟู และดูสุขภาพดี
- ลดเลือนริ้วรอย
- เมื่อผิวมีความชุ่มชื้นเพียงพอ ริ้วรอยก็จะดูตื้นขึ้น
- HA ช่วยเสริมสร้างความยืดหยุ่นของผิว ทำให้ผิวดูอ่อนเยาว์
- เสริมสร้างเกราะป้องกันผิว
- ช่วยเสริมสร้างเกราะป้องกันผิวให้แข็งแรง ลดการสูญเสียความชุ่มชื้น
- ช่วยลดอาการระคายเคืองและการอักเสบของผิว
- ช่วยให้ข้อต่อมีความลื่นไหล
- ช่วยหล่อลื่นข้อต่อ ลดการเสียดสีและการอักเสบ
ข้อดีของ Hyaluronic Acid
- มีความปลอดภัยสูง สามารถใช้ได้กับทุกสภาพผิว
- ไม่ก่อให้เกิดการระคายเคือง
- สามารถใช้ร่วมกับสารสกัดอื่นๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของ Hyaluronic Acid
- เซรั่ม
- ครีมบำรุงผิว
- มาส์กหน้า
- ผลิตภัณฑ์สำหรับฉีดเติมเต็ม (filler)
สารสกัดจาก Retinol
- Retinol เป็นอนุพันธ์ของวิตามินเอที่ช่วยผลัดเซลล์ผิว ลดเลือนริ้วรอย และกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน ทำให้ผิวดูอ่อนเยาว์และเรียบเนียน
- เหมาะสำหรับ: ผู้ที่มีปัญหาริ้วรอย ผิวหย่อนคล้อย และผิวที่ต้องการการฟื้นฟู
Retinol เป็นสารประกอบในกลุ่ม Retinoids ซึ่งเป็นอนุพันธ์ของวิตามินเอ (Vitamin A) ได้รับความนิยมอย่างมากในวงการสกินแคร์เนื่องจากมีคุณสมบัติในการดูแลผิวที่หลากหลายและมีประสิทธิภาพ
คุณสมบัติและประโยชน์ของ Retinol
- กระตุ้นการผลัดเซลล์ผิว
- Retinol ช่วยเร่งกระบวนการผลัดเซลล์ผิว ทำให้เซลล์ผิวเก่าที่เสื่อมสภาพหลุดลอกออกไป และเผยผิวใหม่ที่สดใสกว่าเดิม
- ลดเลือนริ้วรอย
- Retinol กระตุ้นการสร้างคอลลาเจนและอิลาสติน ทำให้ผิวมีความยืดหยุ่น ลดเลือนริ้วรอย ร่องลึก และความหมองคล้ำ
- ลดปัญหาสิว
- ช่วยควบคุมการผลิตน้ำมัน ลดการอุดตันของรูขุมขน ซึ่งเป็นสาเหตุของการเกิดสิว
- ลดการอักเสบของสิว ทำให้สิวแห้งและยุบตัวเร็วขึ้น
- ปรับสีผิวให้สม่ำเสมอ
- ช่วยลดเลือนจุดด่างดำ รอยแดง และความหมองคล้ำ ทำให้สีผิวดูสม่ำเสมอและกระจ่างใสขึ้น
ข้อควรระวังในการใช้ Retinol
- การระคายเคือง
- Retinol อาจทำให้ผิวแห้ง ลอก แดง หรือระคายเคือง โดยเฉพาะในช่วงแรกของการใช้งาน
- ควรเริ่มใช้ในปริมาณน้อยๆ และค่อยๆ เพิ่มความถี่ในการใช้งานเมื่อผิวปรับตัวได้
- ความไวต่อแสง
- Retinol ทำให้ผิวไวต่อแสงแดดมากขึ้น ควรใช้ผลิตภัณฑ์กันแดดที่มีค่า SPF สูงอย่างสม่ำเสมอ
- ควรใช้ในตอนกลางคืน
- ไม่เหมาะสำหรับหญิงตั้งครรภ์และให้นมบุตร
- Retinol อาจเป็นอันตรายต่อทารกในครรภ์และทารกที่ได้รับนมแม่ ควรหลีกเลี่ยงการใช้ในช่วงตั้งครรภ์และให้นมบุตร
สารสกัดจาก Vitamin C
- Vitamin C เป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่ช่วยปกป้องผิวจากมลภาวะ ลดเลือนจุดด่างดำ และกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน ทำให้ผิวดูกระจ่างใสและอ่อนเยาว์
- เหมาะสำหรับ: ผู้ที่มีผิวหมองคล้ำ จุดด่างดำ และผิวที่ต้องการความกระจ่างใส
วิตามินซี (Vitamin C) หรือกรดแอสคอร์บิก (Ascorbic Acid) เป็นวิตามินที่ละลายในน้ำ ซึ่งร่างกายไม่สามารถสร้างขึ้นเองได้ จำเป็นต้องได้รับจากอาหารหรือผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร มีบทบาทสำคัญต่อสุขภาพโดยรวม และมีประโยชน์ต่อผิวพรรณอย่างมาก
ประโยชน์ของวิตามินซีต่อผิวพรรณ
- สารต้านอนุมูลอิสระ
- วิตามินซีเป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่มีประสิทธิภาพสูง ช่วยปกป้องผิวจากความเสียหายของอนุมูลอิสระ ซึ่งเป็นสาเหตุของการเกิดริ้วรอยก่อนวัย
- กระตุ้นการสร้างคอลลาเจน
- ช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน ทำให้ผิวมีความยืดหยุ่น ลดเลือนริ้วรอย และทำให้ผิวดูอ่อนเยาว์
- ลดเลือนจุดด่างดำ
- ช่วยลดการสร้างเม็ดสีเมลานิน ทำให้จุดด่างดำ รอยดำจากสิว และสีผิวที่ไม่สม่ำเสมอจางลง
- เสริมสร้างความกระจ่างใส
- ช่วยให้ผิวดูเปล่งปลั่ง สดใส และมีสุขภาพดี
- ช่วยสมานแผล
- วิตามินซีช่วยในการซ่อมแซมเนื้อเยื่อ และช่วยสมานแผลให้หายเร็วขึ้น
แหล่งที่พบวิตามินซี
- อาหาร
- ผลไม้ตระกูลส้ม (ส้ม, มะนาว, เกรปฟรุต)
- ฝรั่ง
- กีวี
- มะขามป้อม
- ผักใบเขียว (บรอกโคลี, ผักคะน้า)
- ผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร:
- มีวิตามินซีในรูปแบบต่างๆ เช่น เม็ด แคปซูล ผง หรือแบบน้ำ
การใช้ผลิตภัณฑ์วิตามินซีสำหรับผิว
- เซรั่มวิตามินซี
- เป็นรูปแบบที่ได้รับความนิยม เพราะมีความเข้มข้นสูงและซึมเข้าสู่ผิวได้ดี
- ครีมบำรุงผิว
- ช่วยเติมความชุ่มชื้นและเสริมสร้างความแข็งแรงให้กับผิว
- ผลิตภัณฑ์กันแดด
- การใช้วิตามินซีคู่กับผลิตภัณฑ์กันแดด จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการปกป้องผิวจากแสงแดด
แนวโน้มของสารสกัดในอนาคต
นอกจากสารสกัดที่กล่าวมาข้างต้น ยังมีสารสกัดอื่น ๆ ที่กำลังได้รับความนิยมเพิ่มขึ้น เช่น
- Probiotics: ช่วยปรับสมดุลจุลินทรีย์บนผิว ทำให้ผิวแข็งแรงและลดการอักเสบ
- Peptides: ช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนและอิลาสติน ทำให้ผิวดูอ่อนเยาว์และเต่งตึง
- สารสกัดจากพืชหายาก: เช่น สารสกัดจากเห็ดหลินจือ สารสกัดจากโสม ซึ่งมีสรรพคุณในการบำรุงผิวอย่างล้ำลึก
เคล็ดลับในการเลือกผลิตภัณฑ์ที่มีสารสกัดยอดนิยม
- ตรวจสอบส่วนผสม: อ่านฉลากผลิตภัณฑ์อย่างละเอียด เพื่อตรวจสอบว่ามีสารสกัดที่คุณต้องการหรือไม่
- เลือกผลิตภัณฑ์จากแบรนด์ที่น่าเชื่อถือ: เลือกซื้อผลิตภัณฑ์จากแบรนด์ที่มีชื่อเสียงและมีรีวิวที่ดี
- ทดสอบผลิตภัณฑ์ก่อนใช้: ทดสอบผลิตภัณฑ์บนผิวบริเวณเล็กน้อยก่อนใช้ทั่วใบหน้า เพื่อตรวจสอบว่ามีอาการแพ้หรือไม่
การเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีสารสกัดยอดนิยมและเหมาะสมกับสภาพผิว จะช่วยให้คุณมีผิวที่สวยสุขภาพดีได้อย่างยั่งยืน