เทรนด์สกินแคร์ทำให้ “Oil-Based Skincare” กลับมาฮิตอย่างมาก ทั้ง Facial Oil, Cleansing Balm, Oil Serum และ Barrier Repair Cream แต่คำถามที่หลายคนสงสัยคือ “น้ำมันธรรมชาติ (Natural Oil) หรือ น้ำมันสังเคราะห์ (Synthetic Oil) อะไรดีกว่ากัน?”
น้ำมันธรรมชาติ (Natural Oils) คืออะไร?

น้ำมันจากพืช เช่น เมล็ด, ถั่ว, ดอกไม้, เปลือก หรือผลไม้
ผ่านกระบวนการสกัดแบบ Cold-pressed / CO₂ extraction
ข้อดี
- อุดมด้วยสารอาหารธรรมชาติ เช่น วิตามิน A, E, Omega-3,6,9
- ช่วยซ่อมแซมเกราะผิว (Skin Barrier)
- มี Antioxidants สูง
- ช่วยลดการอักเสบตามธรรมชาติ
ข้อเสีย
- มีความเสี่ยงแพ้หรืออุดตันมากกว่าน้ำมันสังเคราะห์
- กลิ่น–สีไม่คงที่ เพราะเป็นวัตถุดิบธรรมชาติ
- เสื่อมคุณภาพได้เร็ว (เหม็นหืน)
เหมาะกับผิวแบบไหน?
- ผิวแห้งมาก
- ผิวลอกจาก Retinol หรือกรดผลไม้
- ผิวขาดน้ำจากสภาพอากาศ
- คนที่ชอบความเป็น “Organic–Natural”
น้ำมันสังเคราะห์ (Synthetic Oils) คืออะไร?

เป็นน้ำมันที่สร้างขึ้นในห้องแล็บเพื่อเลียนแบบโครงสร้างไขมันธรรมชาติ
ตัวอย่างเช่น Squalane (จากพืช), Hydrogenated Polyisobutene, Dimethicone
ข้อดี
- คงตัวสูง ไม่เหม็นหืนง่าย
- ก่อการแพ้น้อยมาก
- เนื้อบางเบา ซึมไว ไม่เหนอะ
- ควบคุมคุณภาพได้สม่ำเสมอ
- ไม่อุดตันง่าย
ข้อเสีย
- ไม่มีวิตามินหรือสารอาหารเหมือนน้ำมันธรรมชาติ
- ให้ฟีล “บำรุงเข้มข้น” ได้น้อยกว่า
เหมาะกับผิวแบบไหน?
- ผิวมัน
- ผิวเป็นสิวง่าย
- ผิวแพ้ง่าย
- ผิวผสม–คนที่ไม่ชอบความเหนอะ
ตารางเปรียบเทียบแบบเข้าใจง่าย
| ประเภท | ข้อดี | ข้อเสีย | เหมาะกับ |
|---|---|---|---|
| น้ำมันธรรมชาติ | สารอาหารสูง ช่วยเกราะผิวมาก | กลิ่น–สีไม่นิ่ง อุดตันง่าย | ผิวแห้ง–ผิวลอก |
| น้ำมันสังเคราะห์ | เนื้อเบา ไม่อุดตัน ซึมไว | ไม่มีวิตามินธรรมชาติ | ผิวมัน–ผิวแพ้ง่าย |
ทำไมทุกแบรนด์ต้องมีทั้งแบบธรรมชาติและสังเคราะห์?

เพราะลูกค้าต้องการ 3 อย่างพร้อมกัน:
- ประสิทธิภาพ (Effectiveness)
- ความรู้สึกขณะใช้ (Texture + Skin Feel)
- ความปลอดภัย (Non-irritating)
แบรนด์นิยมผสมทั้งสองแบบเพราะ:
- ได้ฟีลธรรมชาติ + ความเบาบางของสูตรสังเคราะห์
- เนื้อไม่เหนอะ ไม่อุดตัน แต่ยังบำรุงลึก
- สร้าง “สูตรเฉพาะแบรนด์” ให้ต่างจากคู่แข่ง
แบรนด์ระดับโลก เช่น Kiehl’s, Shiseido, Laneige, Dr.Jart+
ล้วนใช้กลยุทธ์ผสมน้ำมันทั้ง 2 ประเภทเพื่อให้สมดุลที่สุด
เลือกน้ำมันแบบไหนให้เหมาะกับผิวของคุณ
1) ผิวมัน / สิวง่าย
- Squalane (จากพืช)
- Caprylic/Capric Triglyceride
- Dimethicone (ไม่อุดตัน)
2) ผิวแห้งมาก
- Argan Oil
- Jojoba Oil
- Rosehip Oil
3) ผิวแพ้ง่าย
- Squalane
- Sunflower Seed Oil
- Shea Oil
4) ผิวที่ Barrier อ่อนแอ
- Ceramide + Fatty Alcohol + Natural Oils
น้ำมันแบบไหน “ดีกว่า”?
คำตอบ: “ไม่มีแบบไหนดีกว่าแบบไหน แต่มีแบบที่เหมาะกับผิวคุณมากกว่า”
- ถ้าต้องการสารอาหาร–ความเข้มข้น → น้ำมันธรรมชาติ
- ถ้าต้องการความเบา–ไม่อุดตัน–ไม่แพ้ง่าย → น้ำมันสังเคราะห์
- ถ้าต้องการบาลานซ์ดีที่สุด → สูตรผสม Natural + Synthetic
คำถามที่พบบ่อย (FAQ)
น้ำมันธรรมชาติอุดตันง่ายกว่าน้ำมันสังเคราะห์จริงไหม?
จริง เพราะน้ำมันธรรมชาติมีโมเลกุลหลากหลายกว่าและมีโอกาสเป็น Comedogenic มากกว่า
น้ำมันสังเคราะห์อันตรายไหม?
ไม่อันตราย และผ่านการทดสอบความปลอดภัยในเครื่องสำอางอย่างเข้มงวด
ผิวมันควรใช้แบบไหน?
แนะนำสังเคราะห์ เช่น Squalane หรือ Silicone-based oils
น้ำมันธรรมชาติช่วยฟื้นเกราะผิวได้จริงไหม?
จริง โดยเฉพาะพวกที่มี Omega-3-6-9 เช่น Argan, Jojoba
ใช้น้ำมันทาหน้าทุกวันได้ไหม?
ได้ แต่ควรเลือกชนิดที่เหมาะกับผิวและไม่อุดตันง่าย
Wise Plus Grow เข้าใจทุกความต้องการของเจ้าของแบรนด์
Wise Plus Grow คือ โรงงานผลิตครีม โรงงานเครื่องสำอาง และโรงงานสกินแคร์ ที่ได้รับมาตรฐานสากล ASEAN GMP และ ISO 22716 ให้บริการรับผลิตแบบ OEM ODM OBM ที่ครบวงจร ตั้งแต่พัฒนาสูตร ผลิต ออกแบบบรรจุภัณฑ์ ไปจนถึงการตลาด ทีม R&D ของเราพร้อมช่วยออกแบบสูตรให้เหมาะกับกลุ่มเป้าหมายของคุณ เพื่อให้แบรนด์ของคุณแตกต่างด้วยคุณภาพ ความปลอดภัย และความน่าเชื่อถือในตลาดจริง
- มาตรฐานการผลิตระดับสากล ASEAN GMP & ISO 22716
- ทีม R&D วิจัยและพัฒนาสูตรเฉพาะแบรนด์
- บริการครบวงจร OEM ODM OBM จบในที่เดียว
- มีประสบการณ์ความเชี่ยวชาญด้านการผลิตและส่งออกผลิตภัณฑ์สกินแคร์ทั่วอาเซียน
ติดต่อสอบถามเพิ่มเติม
สำนักงานใหญ่: บริษัท ไวส์พลัสโกร จำกัด (Wise Plus Grow Co., Ltd.)
ที่อยู่: เลขที่ 323 หมู่ 19 ตำบลไร่น้อย อำเภอเมืองอุบลราชธานี จังหวัดอุบลราชธานี 34000
โทรศัพท์: 063-554-2465
LINE: @wiseplusgrow
Email: wiseplusgrow324@gmail.com
เวลาทำการ: 09:00 น. – 17:00 น.
วันทำการ: จันทร์ – อาทิตย์
สอบถามออนไลน์: เปิดตลอด 24 ชั่วโมง



