ปฏิเสธไม่ได้เลยว่า ‘ครีมกันแดด’ ได้กลายเป็นสกินแคร์ชิ้นสำคัญในชีวิตประจำวันของทุกคนไปแล้ว แต่เคยสงสัยไหมว่าตัวอักษรย่ออย่าง SPF และ PA ที่เราเห็นบนฉลากนั้นคืออะไร? ค่าตัวเลขและเครื่องหมายบวก เช่น SPF 50 PA+++ คืออะไร มีความหมายว่าอย่างไร? การเลือกครีมกันแดดที่ใช่และมีประสิทธิภาพสูงสุด ไม่ใช่แค่การเลือกค่าที่สูงที่สุด แต่คือการเลือกให้เหมาะกับไลฟ์สไตล์และสภาพผิว เพื่อให้แบรนด์ของคุณสามารถตอบโจทย์ลูกค้าได้อย่างตรงจุดที่สุด
ครีมกันแดดปกป้องผิวจากอะไรบ้าง?
แสงแดดที่เราเผชิญอยู่ทุกวันไม่ได้มีเพียงแค่ความร้อนและแสงสว่างที่มองเห็น แต่ยังแฝงไปด้วยรังสีอันตรายที่มองไม่เห็น ซึ่งเป็นตัวการสำคัญที่ทำร้ายผิวในระยะยาวได้มากกว่าที่คิด ครีมกันแดดที่มีคุณภาพจึงถูกออกแบบมาเพื่อเป็นเกราะป้องกันผิวจากรังสีหลัก ๆ 3 ชนิด ได้แก่ รังสี UVA, UVB และที่กำลังเป็นที่พูดถึงอย่างมากในปัจจุบันอย่าง แสงสีฟ้า (Blue Light) ซึ่งล้วนแต่ส่งผลเสียต่อผิวแตกต่างกันไป
รังสี UVA
รังสี UVA (Ultraviolet A) มีช่วงคลื่นยาวที่สุด สามารถทะลุผ่านเมฆและกระจกเข้ามาทำร้ายผิวได้แม้ในวันที่ไม่มีแดดหรือขณะอยู่ในอาคารก็ตาม รังสีชนิดนี้จะเข้าไปทำลายผิวชั้นใน (ชั้นหนังแท้) โดยตรง ซึ่งเป็นที่อยู่ของคอลลาเจนและอีลาสติน ทำให้โครงสร้างผิวอ่อนแอลง นำไปสู่ปัญหาริ้วรอยก่อนวัย ความหย่อนคล้อย และจุดด่างดำฝังลึก พูดง่าย ๆ ก็คือ UVA เป็นตัวการหลักของ “ความแก่” จากแสงแดด (Photoaging) นั่นเอง
รังสี UVB
รังสี UVB (Ultraviolet B) มีช่วงคลื่นที่สั้นกว่า UVA และไม่สามารถทะลุผ่านกระจกได้ แต่ก็เป็นตัวการหลักที่ทำให้ผิวชั้นนอก (ชั้นหนังกำพร้า) เกิดอาการแสบร้อน แดง ไหม้ และคล้ำเสียจากการเผชิญแดดจัดเป็นเวลานาน นอกจากนี้ รังสี UVB ยังเป็นปัจจัยสำคัญที่กระตุ้นให้เกิดโรคมะเร็งผิวหนังอีกด้วย ดังนั้น การปกป้องผิวจากรังสี UVB จึงเป็นการป้องกันความเสียหายที่มองเห็นได้ชัดเจนในระยะสั้นและป้องกันความเสี่ยงร้ายแรงในระยะยาว
แสงสีฟ้า
แสงสีฟ้า หรือ Blue Light (High-Energy Visible Light – HEV) ไม่ได้มาจากดวงอาทิตย์เพียงอย่างเดียว แต่ยังมาจากหน้าจออุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ที่เราใช้งานกันตลอดวัน เช่น สมาร์ทโฟน แท็บเล็ต และคอมพิวเตอร์ แม้ความรุนแรงจะไม่เท่ารังสี UV จากแดดโดยตรง แต่การสัมผัสแสงสีฟ้าเป็นเวลานานก็สามารถกระตุ้นให้เกิดอนุมูลอิสระ ทำลายเซลล์ผิว นำไปสู่ปัญหาผิวหมองคล้ำและริ้วรอยก่อนวัยได้เช่นกัน การปกป้องผิวจากแสงสีฟ้าจึงกลายเป็นอีกหนึ่งคุณสมบัติสำคัญสำหรับครีมกันแดดในยุคดิจิทัล
SPF (Sun Protection Factor) คืออะไร? ทำไมต้องมีในครีมกันแดด
SPF หรือ Sun Protection Factor คือค่าที่บ่งบอกถึงประสิทธิภาพในการป้องกัน “รังสี UVB” ซึ่งเป็นสาเหตุของผิวไหม้แดด ตัวเลขที่ต่อท้าย SPF จะบอกว่าผิวของเราจะทนต่อแสงแดดได้นานขึ้นกี่เท่าเมื่อเทียบกับตอนที่ไม่ได้ทาครีมกันแดด เช่น หากปกติผิวของคุณจะเริ่มแดงเมื่อโดนแดด 15 นาที การใช้ครีมกันแดด SPF 30 จะช่วยยืดระยะเวลานั้นออกไปเป็น 15 x 30 = 450 นาที
อย่างไรก็ตาม ค่า SPF สูง ๆ ไม่ได้ป้องกันได้ดีขึ้นเป็นสัดส่วนโดยตรง โดย SPF 30 ป้องกัน UVB ได้ประมาณ 97% และ SPF 50 ป้องกันได้ประมาณ 98%
PA (Protection Grade of UVA) คืออะไร?
PA หรือ Protection Grade of UVA คือค่าที่แสดงถึงความสามารถในการป้องกัน “รังสี UVA” ซึ่งเป็นสาเหตุของริ้วรอยและความหมองคล้ำ โดยค่า PA ถูกกำหนดขึ้นในประเทศญี่ปุ่นและใช้สัญลักษณ์บวก (+) ในการบอกระดับการป้องกัน ยิ่งมีเครื่องหมายบวกมากเท่าไหร่ ก็ยิ่งมีประสิทธิภาพในการป้องกันรังสี UVA สูงขึ้นเท่านั้น ทำให้ผิวได้รับการปกป้องจากความแก่ก่อนวัยได้อย่างเต็มที่
เลือกครีมกันแดดที่มี PA เท่าไหร่ถึงจะเหมาะสม
การเลือกระดับการป้องกันรังสี UVA ควรพิจารณาจากกิจกรรมในแต่ละวันเป็นหลัก เพื่อให้การปกป้องเป็นไปอย่างเหมาะสมและเพียงพอ:
- PA+: สามารถป้องกันรังสี UVA ได้ในระดับเริ่มต้น
- PA++: ป้องกันรังสี UVA ได้ในระดับปานกลาง เหมาะสำหรับผู้ที่ทำงานในอาคาร
- PA+++: ป้องกันรังสี UVA ได้ในระดับสูง เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องออกไปเผชิญแสงแดดในชีวิตประจำวัน
- PA++++: ป้องกันรังสี UVA ได้ในระดับสูงสุด เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องทำกิจกรรมกลางแจ้งเป็นเวลานาน หรือเผชิญแดดจัดอย่างต่อเนื่อง
SPF กับ PA อันไหนป้องกันแสงแดดได้มากกว่า
คำถามนี้ไม่สามารถตอบได้ว่าค่าใดดีกว่ากัน เพราะ SPF และ PA ทำหน้าที่ป้องกันรังสีคนละชนิดกันโดยสิ้นเชิง SPF ป้องกันรังสี UVB (กันเบิร์น/ไหม้) ส่วน PA ป้องกันรังสี UVA (กันแก่/เหี่ยว) ดังนั้น ครีมกันแดดที่ดีที่สุดคือครีมกันแดดที่สามารถป้องกันได้ทั้งสองรังสี หรือที่เรียกว่า “Broad-Spectrum”
ซึ่งการมองหาผลิตภัณฑ์ที่มีทั้งค่า SPF และ PA สูงควบคู่กันจึงเป็นคำตอบที่ดีที่สุด และนี่คือเหตุผลที่หลายคนสงสัยว่า SPF 50 PA+++ คืออะไร เพราะมันคือหนึ่งในค่ามาตรฐานของครีมกันแดดประสิทธิภาพสูงที่ปกป้องผิวได้อย่างครอบคลุมนั่นเอง
เลือก SPF และ PA เท่าไหร่ให้ “ใช่” สำหรับแบรนด์คุณ?
ในฐานะเจ้าของแบรนด์ที่ต้องการผลิตครีมกันแดด การทำความเข้าใจความต้องการของกลุ่มเป้าหมายคือกุญแจสำคัญสู่ความสำเร็จ การเลือกค่า SPF และ PA ที่เหมาะสมกับไลฟ์สไตล์ของลูกค้า จะทำให้ผลิตภัณฑ์ของคุณโดดเด่นและตอบโจทย์ได้อย่างแท้จริง Wise Plus Grow ในฐานะโรงงานผลิตสกินแคร์คู่คิดของคุณ พร้อมให้คำแนะนำในการพัฒนาสูตรที่ “ใช่” ที่สุดสำหรับแบรนด์คุณ
กลุ่มลูกค้าไลฟ์สไตล์ในเมือง (Urban Lifestyle / Office Worker)
ลูกค้ากลุ่มนี้ใช้ชีวิตส่วนใหญ่อยู่ในอาคาร แต่อาจต้องเผชิญแสงแดดระหว่างการเดินทางและรับแสงสีฟ้าจากหน้าจอคอมพิวเตอร์ตลอดวัน ครีมกันแดดที่เหมาะควรมีค่า SPF 30-50 และ PA+++ ขึ้นไป เนื้อสัมผัสต้องบางเบา ไม่เหนียวเหนอะหนะ สามารถใช้เป็นเมคอัพเบสได้ และที่สำคัญควรมีส่วนผสมที่ช่วยปกป้องผิวจากแสงสีฟ้า (Anti-Blue Light) เพื่อตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ยุคใหม่
กลุ่มลูกค้าสายกิจกรรม (Outdoor & Active Lifestyle)
สำหรับลูกค้าที่ชื่นชอบกิจกรรมกลางแจ้ง ไม่ว่าจะเล่นกีฬา ท่องเที่ยว หรือทำงานที่ต้องเผชิญแดดจัดตลอดวัน การปกป้องผิวในระดับสูงสุดคือสิ่งจำเป็น ครีมกันแดดสำหรับกลุ่มนี้จึงควรมีค่า SPF 50+ และ PA++++ พร้อมคุณสมบัติกันน้ำและกันเหงื่อ (Water/Sweat Resistant) เพื่อให้การปกป้องคงทนยาวนาน สำหรับลูกค้ากลุ่มนี้ การทำความเข้าใจว่า SPF 50 PA+++ คืออะไร และทำไมถึงยังอาจไม่เพียงพอสำหรับกิจกรรมกลางแจ้งสุดขั้ว จะช่วยให้แบรนด์สามารถสื่อสารคุณสมบัติของสูตร PA++++ ได้อย่างตรงจุด
กลุ่มลูกค้าผิวบอบบางแพ้ง่าย (Sensitive Skin)
ผิวบอบบางแพ้ง่ายต้องการการปกป้องที่มีประสิทธิภาพควบคู่กับความอ่อนโยนสูงสุด การเลือกใช้ครีมกันแดดประเภท Physical (หรือ Mineral) ที่มีส่วนผสมของ Zinc Oxide และ Titanium Dioxide มักเป็นทางเลือกที่ปลอดภัยกว่า เนื่องจากสารกันแดดกลุ่มนี้จะทำหน้าที่สะท้อนรังสีออกไปโดยไม่ซึมเข้าสู่ผิว ควรเลือกสูตรที่มีค่า SPF 30-50 และ PA+++ ขึ้นไป โดยต้องปราศจากสารที่อาจก่อให้เกิดการระคายเคือง เช่น แอลกอฮอล์ น้ำหอม และพาราเบน
สรุปบทความ
การทำความเข้าใจความหมายของ SPF และ PA คือหัวใจสำคัญของการเลือกและพัฒนาผลิตภัณฑ์ครีมกันแดดที่สามารถปกป้องผิวได้อย่างแท้จริง โดย SPF ใช้ป้องกันรังสี UVB (กันผิวไหม้) และ PA ใช้ป้องกันรังสี UVA (กันริ้วรอย) ซึ่งครีมกันแดดที่ดีต้องมีคุณสมบัติเป็น Broad-Spectrum เพื่อการปกป้องที่ครอบคลุม การจะสร้างแบรนด์ครีมกันแดดให้ประสบความสำเร็จนั้น การเลือกค่า SPF และ PA ให้สอดคล้องกับไลฟ์สไตล์ของกลุ่มลูกค้าเป้าหมายจึงเป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้
Wise Plus Grow โรงงานรับผลิตสกินแคร์มาตรฐานสากล พร้อมเป็นที่ปรึกษาและพาร์ทเนอร์ในการรังสรรค์สูตรครีมกันแดดที่สมบูรณ์แบบสำหรับแบรนด์ของคุณ ตั้งแต่การให้ความรู้เชิงลึกว่า SPF 50 PA+++ คืออะไร ไปจนถึงการพัฒนาสูตรเฉพาะที่ตอบโจทย์ทุกความต้องการของตลาด ติดต่อเราเพื่อเริ่มต้นสร้างความสำเร็จให้แบรนด์ของคุณได้แล้ววันนี