สารสกัดน้ำมันมะรุม (Moringa Oil) โอเลอิกสูง ผิวชุ่มชื้น แข็งแรง และดูโกลว์สุขภาพดี

น้ำมันมะรุม (Moringa Oleifera Seed Oil) หรือ “Ben/Behen Oil” ได้จากการบีบเย็นเมล็ดมะรุม มีโอเลอิกสูง พร้อมโทโคฟีรอลและสเตอรอล ให้สัมผัสนุ่มลื่น ไม่เหนอะหนะ เสริมเกราะผิวและลดความแห้งตึง จึงนิยมในเซรั่ม ออยล์ล้างหน้า และแฮร์แคร์ของตลาดไทย สนใจวัตถุดิบอื่นอ่านต่อที่ สารสกัดสกินแคร์

ข้อมูลสรุปสำคัญของ น้ำมันมะรุม

• ชื่อสารสกัดและ INCI: Moringa Oleifera Seed Oil (เดิมพบในเอกสารว่า Moringa Pterygosperma Oil)
• แหล่งที่มาและวิธีสกัด: บีบเย็น/สกัดกล ไร้ตัวทำละลาย จากเมล็ดมะรุม; มีเกรดกลั่น–ไม่กลั่น
• กลไกและสารสำคัญ: โอเลอิก ~65–78% พร้อมเบเฮนิก พาลมิติก สเตอรอล และโทโคฟีรอล → เคลือบลด TEWL ต้านออกซิเดชันและสนับสนุนการปลอบผิว (ข้อมูลองค์ประกอบและศักยภาพจากงานวิจัย PubMed)
• คุณสมบัติเด่น: อีมัลเลียนต์สูง ซึมสบาย ไม่หนักผิว เสถียรต่อออกซิเดชัน เหมาะผิวแห้ง–ผิวไว
• เหมาะกับผลิตภัณฑ์: เซรั่ม, ครีม, สครับ, คลีนซิ่งออยล์/บาล์ม, ลิปบาล์ม, แชมพู/คอนดิชันเนอร์/เฮ어ออยล์
• มาตรฐานและการรับรอง: พบในฐานข้อมูล INCI/SpecialChem และมีวัตถุดิบเกรดที่ขึ้นทะเบียนรับรอง COSMOS/ECOCERT (ขึ้นกับผู้ผลิตวัตถุดิบ)

น้ำมันมะรุม คืออะไร และมาจากไหน

น้ำมันมะรุมคือไขมันจากเมล็ด Moringa oleifera ที่รู้จักในนาม Ben/Behen Oil คุณสมบัติเด่นคือโอเลอิกสูงคล้ายออริฟอิล (olive oil) แต่มีความเสถียรออกซิเดชันดี เหมาะงานเครื่องสำอางที่ต้องการสัมผัสบางเบาแต่ปกป้องผิว เช่น ออยล์ทำความสะอาด เครื่องสำอางผม และครีมบำรุงที่เน้นชุ่มชื้นยาวนาน

ส่วนประกอบสำคัญและกลไกการทำงาน

สัดส่วน กรดไขมันโอเลอิกสูงช่วยเป็นอีมัลเลียนต์และช่วยปลอบผิว ร่วมกับกรดเบเฮนิกที่ให้ฟิล์มลื่นนุ่มและเพิ่มความทนทานของเนื้อผลิตภัณฑ์ ขณะที่โทโคฟีรอล/สเตอรอลเป็นแหล่งแอนติออกซิแดนต์ธรรมชาติ ช่วยปกป้องผิวหน้าจากออกซิเดทีฟสเตรส จึงช่วยให้ผิวดูอิ่มน้ำและลดริ้วรอยตื้นๆ เมื่อใช้อย่างสม่ำเสมอและป้องกันแดดร่วม

ประโยชน์ของ น้ำมันมะรุม (Moringa Oil)

ภาพรวม: เติมชุ่มชื้นยาวนาน เสริมบาเรียและความยืดหยุ่น ปลอบผิวและลดสัญญาณอักเสบ เหมาะ “การใช้ Moringa Oil ในสกินแคร์สำหรับผิวแห้ง–ผิวแพ้ง่าย” และสูตรทำความสะอาดผิวแบบอ่อนโยน

1. ฟื้นฟูผิวแห้งให้ชุ่มชื้น

อีมัลเลียนต์จากโอเลอิกและเบเฮนิกช่วยลดการสูญเสียน้ำผ่านผิว (TEWL) คืนความนุ่มเด้งและความยืดหยุ่น เหมาะกับเซรั่มออยล์ ครีมเข้มข้น และบาล์มบำรุงในสภาพอากาศร้อนชื้นที่ต้องการสัมผัสไม่เหนอะหนะ

2. บำรุงเส้นผมให้เงางาม

ฟิล์มบางเบาจากกรดไขมันสายยาวช่วยเคลือบเส้นผม ลดชี้ฟู เพิ่มความเงางามและความลื่นลื่น จึงนิยมนำไปใช้ในเฮ어ออยล์ คอนดิชันเนอร์ และทรีตเมนต์ปลายผมแห้งเสีย

3. ลดสิวและการอักเสบ

งานวิจัยเซลล์ต่อมไขมัน (sebocytes)รายงานว่าน้ำมันมะรุมมีแนวโน้มลดการหลั่งไซโตไคน์อักเสบบางชนิดเมื่อเทียบคอนโทรล (สัมพันธ์กับโอเลอิก) จึงเหมาะกับเอสเซนส์/คลีนซิ่งออยล์อ่อนโยน จับคู่ไนอะซินาไมด์หรือซิงค์ PCA ได้ดี

4. ป้องกันรอยแตกลายในคุณแม่ตั้งครรภ์

ชั้นฟิล์มอีมัลเลียนต์ช่วยคงความชุ่มชื้นและความยืดหยุ่นของผิวท้อง ลดความแห้งตึงที่เป็นปัจจัยเสริมการเกิดเส้นรอย ควรใช้ควบคู่การนวดเบาๆ และการดูแลผิวอย่างสม่ำเสมอ

5. บำรุงมือและเล็บให้แข็งแรง

ครีมทามือ/คิวติเคิลออยล์ที่มี Moringa Oil ช่วยเคลือบลดการสูญเสียน้ำ บรรเทาความหยาบกร้าน และเพิ่มความยืดหยุ่นให้จุดที่แห้งง่าย

6. ปากนุ่มด้วยลิปบาล์มธรรมชาติ

ลิปบาล์มสูตรธรรมชาติใช้ Moringa Oil เป็นเบสให้สัมผัสนุ่มลื่นไม่เหนียว ช่วยลดริมฝีปากแห้งแตก และเพิ่มความเงาอย่างเป็นธรรมชาติ

กรณีศึกษาและการใช้งานจริงของ น้ำมันมะรุม

เชิงห้องปฏิบัติการ น้ำมันมะรุมแสดงแนวโน้มลดโปร–ไซโตไคน์อักเสบในเซลล์ต่อมไขมันเมื่อเทียบคอนโทรล พร้อมรูปแบบการสร้างไลพิดใกล้เคียงโอเลอิกออยล์และออริฟอิล (olive oil) (In vitro) นอกจากนี้รายงานองค์ประกอบไขมันพบโอเลอิกได้สูงถึง ~77.8% และเบเฮนิก ~7% ตอกย้ำศักยภาพด้านอีมัลเลียนต์และเสถียรภาพทางออกซิเดชัน จึงถูกใช้จริงในคลีนซิ่งบาล์ม เมคอัพรีมูฟเวอร์ และเฮียร์ออยล์ระดับอุตสาหกรรม

ดีต่อเส้นผมและส่วนอื่นของร่างกาย

ในแฮร์แคร์ช่วยให้เส้นผมเงางามและลื่นหวีง่าย หนังศีรษะรู้สึกสบายขึ้น ส่วนผิวกายใช้ในออยล์ทาตัว/โลชั่นเพื่อเคลือบชั้นผิว ลดผิวกร้าน และคงความชุ่มชื้นยาวนาน

ใช้ในสกินแคร์อะไรได้บ้าง

ตัวอย่าง: เซรั่ม, ครีม, สครับ, คลีนซิ่งออยล์/บาล์ม, ลิปบาล์ม, บอดี้ออยล์, แชมพู/คอนดิชันเนอร์/เฮอร์ออยล์, สบู่ก้อนออยล์สูง

ข้อดีและข้อควรระวัง

ข้อดี

• อีมัลเลียนต์สูง เคลือบลดการสูญเสียน้ำ ทำให้ผิวนุ่มลื่น
• เสถียรต่อออกซิเดชัน เหมาะกับสูตรทำความสะอาดและบำรุง
• ช่วยปลอบผิวและสนับสนุนบาเรีย เหมาะผิวแห้ง/ผิวไว

ข้อควรระวัง

• บางคนอาจรู้สึกหนักผิว/อุดตันได้ ควรแพตช์เทสต์และเลือกสัดส่วนที่เหมาะสม
• ยึดตาม TDS ของซัพพลายเออร์ ทดสอบเสถียรภาพ (สี–กลิ่น–เปอร์ออกไซด์)
• เพื่อผลเรื่องโทนสีผิวสม่ำเสมอ ควรใช้กันแดดทุกวัน

งานวิจัยและการรองรับมาตรฐาน

งานวิจัยรายงานว่า Moringa Oil มีผลลดการหลั่งไซโตไคน์อักเสบในเซลล์ต่อมไขมัน และมีองค์ประกอบโอเลอิกสูงใกล้เคียงออริฟอิลสนับสนุนความเสถียรออกซิเดชัน ขณะที่ INCI/SpecialChem ระบุวัตถุดิบ “Moringa Oleifera Seed Oil” ใช้เป็นอีมัลเลียนต์–คอนดิชันนิ่ง และมีรายชื่อวัตถุดิบที่ได้รับการรับรอง COSMOS/ECOCERT อยู่ในฐานข้อมูลสาธารณะ (ขึ้นกับผู้ผลิตวัตถุดิบ/ล็อต)

แหล่งอ้างอิงทางวิทยาศาสตร์

• Effects of Moringa Oleifera Seed Oil on Human Sebocytes – PubMed (2023)
• Fatty Acid Profile of Moringa Seed Oil (oleic up to ~77.8%) – PubMed (2024)
• Moringa Seeds & Oil: Characteristics and Uses – PMC Review
• Moringa Oleifera Seed Oil – SpecialChem INCI
• COSMOS/ECOCERT Certified Raw Materials Directory (includes Moringa Oil)

สรุป

อยากทำแบรนด์สกินแคร์ด้วย Moringa Oil? ทีม R&D และโรงงานของเราช่วยออกแบบสูตรอ่อนโยนสำหรับผิวไทย ทั้งสาย รับผลิต, OEM และ สร้างแบรนด์สกินแคร์ ให้แตกต่างและได้มาตรฐาน ดูรายละเอียดบริการผลิตสกินแคร์

คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับ น้ำมันมะรุม (Moringa Oil)

น้ำมันมะรุมปลอดภัยไหม?

โดยทั่วไปปลอดภัยเมื่อใช้ในสัดส่วนเหมาะสมและผ่านการผลิตตามมาตรฐานเครื่องสำอาง แนะนำทำแพตช์เทสต์ก่อนใช้ โดยเฉพาะผิวไวมาก

ควรใช้กี่เปอร์เซ็นต์?

โดยทั่วไป 1–20% ในครีม/โลชั่น และ 10–100% ในออยล์บำรุงหรือคลีนซิ่งออยล์ ทั้งนี้ให้ยึด TDS ของซัพพลายเออร์

เหมาะกับผิวแพ้ง่ายหรือไม่?

เหมาะ เพราะมีคุณสมบัติอีมัลเลียนต์และปลอบผิว แต่ผู้มีโอกาสอุดตันง่ายควรเริ่มจากสัดส่วนต่ำและสังเกตผิว

ใช้ร่วมกับสารอะไรได้ดี?

เข้ากันได้ดีกับไฮยาลูรอนิก เซราไมด์ สควาเลน ไนอะซินาไมด์ และวิตามินอี รวมถึงเอสเทอร์ไวโอลาไทล์ในคลีนซิ่งบาล์ม

อุดตันไหม/ใช้กับคนเป็นสิวได้หรือไม่?

ขึ้นกับสภาพผิวและสูตรรวม งานวิจัยพบแนวโน้มลดไซโตไคน์อักเสบในเซลล์ต่อมไขมัน แต่ควรแพตช์เทสต์และเลือกสัดส่วน/เบสที่ไม่อุดตัน