แก้เท้าแตก แห้ง ลดกลิ่นเองง่ายๆได้ที่บ้าน

ลดรอยแตกเท้า

ส้นเท้าแตกเป็นปัญหาที่พบได้บ่อย และเป็นปัญหากับการใช้ชีวิตประจำวันไม่น้อย นอกจากทำให้ดูไม่สวย ไม่สบายตา ยังอาจจะทำให้รอยแตกนั้นยิ่งลึกอาจจะทำให้ได้รับบาดเจ็บได้ โดยเฉพาะในช่วงอากาศแห้ง หรือผู้ที่ยืนหรือนั่งนานๆ การดูแลส้นเท้าแตกอย่างถูกวิธี จะช่วยให้ส้นเท้ากลับมานุ่มชุ่มชื้นได้ นอกจากนี้ยังทำให้ดูสวยเรียบและดูสุขภาพดีอีกด้วย

สาเหตุของการเกิดส้นเท้าแตกลาย

  • ผิวแห้ง การขาดความชุ่มชื้นทำให้ผิวแห้งกร้านและแตก
  • การเสียดสี การเดินหรือยืนนานๆ ทำให้ผิวหนังบริเวณส้นเท้าเสียดสีกับพื้น
  • น้ำหนักตัวมาก น้ำหนักตัวที่มากเกินไป ทำให้ส้นเท้ารับน้ำหนักมากขึ้น
  • โรคบางชนิด เช่น เบาหวาน โรคไทรอยด์

วิธีดูแลส้นเท้าแตกง่ายๆได้ที่บ้าน

  1. แช่เท้าในน้ำอุ่นผสมเกลือหรือเบกกิ้งโซดาประมาณ 15-20 นาที เพื่อให้ผิวหนังอ่อนนุ่ม
  2. ใช้หินขัดเท้าหรือแปรงขัดเท้า ขัดเบาๆ บริเวณส้นเท้าที่แตก เพื่อขจัดเซลล์ผิวที่ตายแล้ว
  3. ทาครีมบำรุงผิวที่เข้มข้นที่มีส่วนผสมของยูเรียหรือกลีเซอรีน เพื่อเพิ่มความชุ่มชื้นให้กับผิว
  4. สวมใส่ถุงเท้าที่ทำจากใยธรรมชาติ เช่น ผ้าฝ้าย เพื่อช่วยกักเก็บความชุ่มชื้น
  5. เลือกใส่รองเท้าที่นุ่มสบาย มีขนาดพอดี
  6. การดื่มน้ำช่วยให้ร่างกายชุ่มชื้น ส่งผลดีต่อผิวหนัง
  7. การเดินเท้าเปล่าบนพื้นแข็ง ทำให้ผิวส้นเท้าเสียดสี แห้งแตกได้ง่าย

การดูแลเท้าสำคัญอย่างไร

จริงๆเท้าเป็นส่วนที่สำคัญในการดูแลสาวๆหลายคนมองข้ามไม่น้อย นอกจากจะทำให้มั่นใจในการใช้ชีวิตแล้วยังทำให้เรียบเนียนมากขึ้น เพราะเท้าเป็นส่วนที่ต้องรับน้ำหนักตัวและใช้งานตลอดทั้งวัน หากไม่ดูแลให้ดี ก็อาจเกิดปัญหาสุขภาพตามมาได้มากมาย เช่น เท้าแตก เท้าลอก เล็บขบ หรือแม้แต่โรคที่ร้ายแรงกว่านั้น เช่น เบาหวานเท้า

ทำไมการดูแลเท้าจึงสำคัญ

ป้องกันปัญหาสุขภาพ การดูแลเท้าอย่างสม่ำเสมอจะช่วยป้องกันปัญหาต่างๆ ที่อาจเกิดขึ้นกับเท้า เช่น เท้าแตก เท้าลอก เล็บขบ หรือแผลติดเชื้อ
เพิ่มความมั่นใจ เท้าที่สวยงามและสุขภาพดี จะช่วยเพิ่มความมั่นใจในการเดินและการใส่รองเท้า
เพิ่มประสิทธิภาพในการทำงาน เท้าที่แข็งแรงจะช่วยให้คุณสามารถทำกิจกรรมต่างๆ ได้อย่างคล่องตัวและมีประสิทธิภาพมากขึ้น

สารอาหารที่จะช่วยบำรุงทั้งร่างกายและเท้า
  • วิตามินดี ช่วยเสริมสร้างกระดูกให้แข็งแรง ช่วยในการดูดซึมแคลเซียม ฟอสฟอรัส ซึ่งเป็นส่วนประกอบสำคัญของกระดูกและเล็บ ส่วนใหญ่มักจะอยู่ในปลาทะเล น้ำมันปลา ไข่แดง เห็ด เป็นต้น
  • วิตามินอี เป็นสารต้านอนุมูลอิสระ ช่วยปกป้องเซลล์ผิวจากความเสียหาย ช่วยให้ผิวเท้าชุ่มชื้นและลดการเกิดรอยแตก อยู่ใน อัลมอนด์ อโวคาโด เมล็ดทานตะวัน น้ำมันมะกอก เป็นต้น
  • วิตามินบี 12 ช่วยในการสร้างเซลล์เม็ดเลือดแดง ซึ่งจำเป็นต่อการนำออกซิเจนไปเลี้ยงส่วนต่างๆ ของร่างกาย รวมถึงเท้า ผิวพรรณทั่วทั้วร่างกายสดใจทั้งฝ่ามือฝ้าเท้า มักจะอยู่ใน เนื้อสัตว์ ปลา ไข่ นม เป็นต้น
  • ไบโอติน ช่วยในการสร้างเซลล์ผิวใหม่ ช่วยให้ผิวเท้าแข็งแรงและมีสุขภาพดี สารอาหารเหล่านี้มักจะอยู่ใน ไข่แดง ถั่ว ธัญพืช เป็นต้น

อย่างไรก็ตามสาวๆที่อยู่บ้านก็อย่าลืมดูแลผิวพรรณบริเวณเท้าด้วย เพราะเป็นสิ่งที่สวยงามที่ไม่ควรมองข้าม นอกจากจะดูดีขึ้นแล้วยังช่วยเสริมสร้างบุคลิกให้กับคุณอีกด้วย อย่าลืมดูแลใส่ใจผิวทุกส่วนของร่างกายจากภายในสู่ภายนอกด้วย เพื่อนสุขภาพที่แข็งแรงรอบด้านของสาวๆ