“รู้ทันเครื่องสำอางปลอม” เป็นเรื่องที่สำคัญในช่วงปัจจุบัน เนื่องจากมีการพบเครื่องสำอางปลอมหลายชนิดในตลาด ซึ่งอาจมีผลกระทบต่อสุขภาพและผิวพรรณของผู้ใช้ได้ การรู้และเรียนรู้เกี่ยวกับวิธีการจดสังเกตและสังเกตคุณภาพของสินค้าเป็นสิ่งสำคัญ เพื่อปกป้องตัวเองจากการใช้สิ่งที่อาจเสี่ยงต่อสุขภาพ วิธีการระบุเครื่องสำอางปลอมสามารถทำได้โดยการตรวจสอบสติ๊กเกอร์บาร์โค้ด หรือฉลากสินค้าว่ามีข้อผิดพลาดหรือไม่ การตรวจสอบส่วนประกอบที่ระบุบนบรรจุภัณฑ์ เช่น สารอันตรายหรือสารที่อาจก่อให้เกิดอาการแพ้ นอกจากนี้ยังควรพิจารณาความน่าเชื่อถือของผู้ขายและร้านค้าที่จำหน่ายสินค้าด้วย เพื่อให้มั่นใจว่าจะได้รับสินค้าที่มีคุณภาพและปลอดภัยสำหรับการใช้งาน
อันตรายร้ายแรงของ “เครื่องสำอางปลอม” ที่มากกว่าแค่เสียเงินฟรี
เครื่องสำอางปลอมผลิตขึ้นในสภาพแวดล้อมที่ไม่ได้มาตรฐาน ไม่มีการควบคุมคุณภาพ และที่สำคัญที่สุดคือเราไม่สามารถรู้ได้เลยว่ามีส่วนผสมอะไรอยู่ข้างในบ้าง ซึ่งมักจะเต็มไปด้วย
- สารอันตรายร้ายแรง เช่น สารปรอท, สารตะกั่ว, สารหนู, ไซยาไนด์, หรือสเตียรอยด์ ซึ่งเป็นสารต้องห้ามและเป็นพิษต่อร่างกาย
- การปนเปื้อนของเชื้อโรค อาจมีการปนเปื้อนของแบคทีเรีย, เชื้อรา, หรือแม้กระทั่งสิ่งปฏิกูล จากกระบวนการผลิตที่สกปรก
- ผลกระทบต่อผิว ทำให้เกิดอาการแพ้รุนแรง, ผื่นคัน, สิวเห่อ, ผิวหนังอักเสบ, ผิวไหม้, ไปจนถึงการเกิดฝ้าถาวร และเพิ่มความเสี่ยงของมะเร็งผิวหนัง
- ผลกระทบต่อสุขภาพระยะยาว สารโลหะหนักสามารถสะสมในร่างกายและทำลายระบบประสาท, ไต, และอวัยวะภายในได้
7 วิธีจับผิด “เครื่องสำอางปลอม” ด้วยตัวเอง เช็คให้ชัวร์ก่อนซื้อ
1. ราคาที่ถูกเกินจริง (Price is Too Good to Be True)
สัญญาณเตือนอันดับหนึ่ง: หากคุณพบเครื่องสำอางแบรนด์ดังลดราคา 70-90% หรือมีราคาต่ำกว่าเคาน์เตอร์ปกติอย่างน่าสงสัย ให้ตั้งข้อสันนิษฐานไว้ก่อนเลยว่าเป็นของปลอม เพราะต้นทุนการผลิตและค่าการตลาดของแท้ไม่สามารถทำให้ราคาถูกขนาดนั้นได้
2. แหล่งที่มาและช่องทางการจำหน่าย (Place of Purchase)
- แหล่งที่น่าเชื่อถือ เคาน์เตอร์แบรนด์ในห้างสรรพสินค้า, ร้านค้าที่เป็นตัวแทนจำหน่ายอย่างเป็นทางการ (Authorized Retailers เช่น Sephora, Eveandboy), หรือเว็บไซต์/แอปพลิเคชันของแบรนด์โดยตรง
- แหล่งที่เสี่ยงสูง ร้านค้าออนไลน์ที่ไม่ใช่ตัวแทนจำหน่าย, ตลาดนัด, ร้านค้าตามแนวชายแดน, หรือผู้ขายที่ไม่น่าเชื่อถือบนโซเชียลมีเดีย
3. บรรจุภัณฑ์และฉลาก (Packaging & Labeling)
- จุดสังเกต ของปลอมมักจะ “ไม่เนียน” ให้เปรียบเทียบกับของแท้ (อาจดูจากรีวิวหรือเว็บไซต์ทางการ) แล้วสังเกตจุดเหล่านี้:
- ฟอนต์และตัวสะกด มักใช้ฟอนต์ที่แตกต่าง หรือมีคำที่สะกดผิด
- คุณภาพวัสดุ พลาสติกหรือแก้วอาจดูบอบบาง ก๊องแก๊งกว่า สีเพี้ยน หรือมีน้ำหนักเบาผิดปกติ
- การพิมพ์ โลโก้หรือตัวอักษรอาจเบลอ ไม่คมชัด หรือสีเพี้ยน
- ฉลากภาษาไทย เครื่องสำอางที่จำหน่ายในไทยอย่างถูกต้อง “ต้องมี” ฉลากภาษาไทยที่ระบุข้อมูลสำคัญครบถ้วน เช่น ชื่อผลิตภัณฑ์, ส่วนประกอบ, วิธีใช้, ชื่อผู้ผลิต/ผู้นำเข้า, และเลขที่ใบรับจดแจ้ง
4. การตรวจสอบเลขที่ใบรับจดแจ้ง (อย.)
สำคัญที่สุดสำหรับผลิตภัณฑ์ในไทย: นำเลขที่ใบรับจดแจ้ง 13 หลัก (หรือ 10 หลัก) ที่อยู่บนฉลากภาษาไทย ไปตรวจสอบในเว็บไซต์ของสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) หรือผ่านแอปพลิเคชัน Oryor Smart Application หากไม่พบข้อมูลหรือข้อมูลไม่ตรงกับผลิตภัณฑ์ ถือว่าเป็นของปลอมหรือผลิตภัณฑ์ที่ผิดกฎหมาย
5. เนื้อสัมผัส กลิ่น และสีของผลิตภัณฑ์ (Texture, Scent & Color)
- เนื้อสัมผัส ของปลอมมักมีเนื้อที่แตกต่างจากของแท้ เช่น ลิปสติกอาจจะเนื้อร่วนเกินไป, ครีมอาจจะเหลวหรือข้นผิดปกติ
- กลิ่น มักมีกลิ่นสารเคมีรุนแรง, กลิ่นพลาสติก, หรือกลิ่นน้ำหอมฉุนที่แตกต่างจากกลิ่นเฉพาะของผลิตภัณฑ์แท้
- สี:เฉดสีมักจะเพี้ยนไปจากของแท้ ไม่ตรงกับเบอร์ที่ระบุ
6. ซีลและสัญลักษณ์ยืนยัน (Seals & Authentication Marks)
ผลิตภัณฑ์ของแท้จำนวนมากมักมีซีลพลาสติกหรือสติกเกอร์โฮโลแกรมเพื่อยืนยันว่าเป็นของใหม่และของแท้ ของปลอมอาจไม่มีซีลเหล่านี้ หรือมีแต่คุณภาพต่ำและดูไม่เรียบร้อย
7. รีวิวและชื่อเสียงของผู้ขาย (Seller Reviews & Reputation)
หากซื้อของออนไลน์ ควรอ่านรีวิวร้านค้าอย่างละเอียด เลือกร้านที่มีประวัติดีและมีการรีวิวในเชิงบวกจากผู้ซื้อจำนวนมาก ระวังร้านค้าที่เพิ่งเปิดใหม่หรือมีรีวิวในลักษณะเดียวกันซ้ำๆ มากผิดปกติ
ข้อสังเกตหรือลักษณะของเครื่องสำอางปลอมแปลง
- ราคาถูกจนน่าสงสัย ราคาไม่สมเหตุสมผล และลดราคาอย่างไม่น่าจะเป็นไปได้ดูแล้วช่างไม่น่าเชื่อถือจริงๆ ค่ะ
- สินค้า หรือเครื่องสำอางของแท้ที่มีชื่อเสียงจะมีราคาจำหน่ายสูงในประเทศอเมริกา โซนทวีปยุโรป เพราะประเทศคุณๆ เค้ามีเทคโนโลยีที่ทันสมัยมากค่ะ
- เครื่องสำอางหรือสินค้าที่วางจำหน่ายตามตลาดนัด หรือวางขายในแหล่งที่ไม่น่าเชื่อถือ นอกจากนี้ผู้ขายยังไม่ได้มีใบอนุญาตในการขายที่ถูกต้องตามกฎหมายแบบนี้ควรเลี่ยงเลยค่ะ
- เครื่องสำอางมีกลิ่นฉุน หรือ มีกลิ่นน้ำหอมที่แรงเกินไป แบบนี้ก็ควรเลี่ยงไปเลยค่ะ เพราะมีโอกาสที่ผิวของเราจะได้รับอันตรายจากสารเคมีจากเครื่องอางเหล่านั้น
- บรรจุภัณฑ์ของผลิตภัณฑ์ดูไม่น่าเชื่อถือ เช่น สี รูปทรง รวมถึงป้ายฉลากข้างผลิตภัณฑ์ด้วย แบบนี้เลยค่ะ ซึ่งพบบ่อยมากๆ และยังเป็นปัญหาที่ยังแก้ไขไม่ได้เลย
- เครื่องสำอางยี่ห้อนั้นๆ มักจะโฆษณาชวนเชื่อโดยหลอกล่อว่า “สินค้ามีจำนวนจำกัด” ซึ่งต่างจากผู้ประกอบการ หรือผู้ผลิตถูกต้องตามกฎหมายจะไม่มีโปรโมชั่น หรือข้อเสนอแบบนี้แจ้ง หรือประชาสัมพันธ์ผ่านสื่อไปยังผู้บริโภค หรือในกรณีการโฆษณาแบบนี้ก็จะมีการระบุวันที่และจำนวนสินค้าอย่างชัดเจน
จากวิธีดังกล่าวในข้างต้นก็ไม่ใช่วิธีที่สามารถช่วยป้องกันการถูกหลอกลวงได้ 100% เพราะต้องยอมรับว่าปัจจุบันด้วยเทคโนโลยีที่ทันสมัยนั้น ทำให้เกิดช่องว่างของเหล่ามิจฉาชีพนำมาใช้เพื่อหลอกลวงผู้บริโภค เพราะด้วยความที่ตลาดความสวยความงามมีขนาดใหญ่ และมีเงินสะพัดมหาศาล แถมยังเป็นตลาดที่จัดได้ว่าฟุ่มเฟือยที่สุด จึงดึงดูดให้เหล่ามิจฉาชีพมาแฝงตัวในทุกรูปแบบ ดังนั้นเราในฐานะผู้บริโภคจะต้องเรียนรู้และปรับตัวให้หลุดพ้นจากการถูกล่อลวงให้ได้ หรืออาจจะนำวิธีเพิ่มเติมต่อไปนี้มาใช้ได้เช่นกันดังนี้ ตรวจสอบเลขที่จดแจ้งผลิตภัณฑ์ ว่าถูกต้องและตรงตามที่ผู้ผลิตได้จดแจ้งกับสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) กระทรวงสาธารณสุข หรือไม่?
ไม่ควรเลือกซื้อเครื่องสำอางเพียงเพราะว่า “คนอื่นแนะนำ” “ใช้ตามดารา” ซึ่งทั้งนี้เราควรเลือกซื้อเครื่องสำอางตามความจำเป็น หรือตามความเหมาะสมกับปัญหาของตนเองน่าจะเป็นอีกข้อที่สำคัญอีกข้อ แต่การดูข้อมูลจากแหล่งอ้างอิงที่มานั้นก็ยังคงจำเป็นเช่นกัน ควรเลือกซื้อที่มีฉลากภาษาไทย และแสดงข้อความครบถ้วน มีรายละเอียดระบุชัดเจนตามที่กฎหมายกำหนด เช่น ชื่อแบรนด์ ประเภทเครื่องสำอาง ชื่อของผู้ผลิต สถานที่ที่ผลิต วันเดือนปีที่ผลิต วันหมดอายุ ครั้งที่ผลิต ปริมาณสุทธิ ส่วนประกอบ รวมถึงวิธีใช้ ข้อแนะนำ คำเตือน ที่สำคัญควรมีการรับรองมาตรฐานความปลอดภัยอย่างถูกต้อง
การรู้ทัน “เครื่องสำอางปลอม” คือทักษะที่สำคัญของผู้บริโภคในยุคดิจิทัล อย่าให้ราคาที่ถูกกว่ามาบดบังความเสี่ยงที่อาจทำร้ายผิวและสุขภาพของคุณในระยะยาว จงเลือกซื้อจากแหล่งที่น่าเชื่อถือ, ตรวจสอบฉลากและเลข อย. เสมอ, และให้ความสำคัญกับแบรนด์ที่ผลิตจากโรงงานที่ได้มาตรฐาน GMP เพราะการ “ปลอดภัยไว้ก่อน” คือการลงทุนเพื่อความสวยที่คุ้มค่าที่สุด