รอยดำจากสิว (Post-Inflammatory Hyperpigmentation: PIH) เกิดจากผิวสร้างเมลานินมากขึ้นหลังการอักเสบหรือการแกะเกาสิว ทำให้ทิ้งจุดสีน้ำตาลเข้มหรือดำไว้บนผิว ข่าวดีคือส่วนใหญ่จางลงเองได้เมื่อดูแลถูกหลัก โดยหัวใจคือการกันแดดสม่ำเสมอ ลดการอักเสบ ผลัดผิวอย่างอ่อนโยน และใช้ส่วนผสมช่วยให้เม็ดสีค่อยๆ จางลง
- สาเหตุหลักของรอยดำจากสิว
- แยก “รอยแดง” กับ “รอยดำ” ให้ถูก
- วิธีบ้านๆ ที่ปลอดภัย ช่วยให้จางไวขึ้น
- มะขามเปียก/มะนาว ใช้อย่างไรให้ปลอดภัย
- รูทีน 7 วัน ลดรอยดำแบบบ้านๆ
- ผลัดผิวอย่างอ่อนโยนแทนการสครับแรง
- ทางเลือกเวชสำอางและการแพทย์
- ข้อควรเลี่ยงเพื่อไม่ให้รอยเข้มกว่าเดิม
- เมื่อไหร่ควรพบแพทย์
- คำถามที่พบบ่อย (FAQ)
สาเหตุหลักของรอยดำจากสิว
การอักเสบจากสิวและการแกะกดสิวทำให้เมลาโนไซต์ผลิตเมลานินมากขึ้น ร่วมกับปัจจัยเสี่ยงอย่างแสงแดด (UV), ฮอร์โมน, พันธุกรรม, เครื่องสำอาง/ผลิตภัณฑ์ที่ระคายเคือง, อาหารหรือพฤติกรรมที่กระตุ้นสิว และสภาพอากาศร้อนชื้นที่เพิ่มเหงื่อและน้ำมัน ซึ่งทั้งหมดทำให้เกิดและยืดเวลาการจางของรอยดำ
แยก “รอยแดง” กับ “รอยดำ” ให้ถูก
รอยแดง (PIE) เกิดจากเส้นเลือดฝอยมักเป็นชมพู-แดง จางด้วยการลดการอักเสบและกันแดด ส่วนรอยดำ (PIH) เป็นสีน้ำตาล-เทาเข้ม เกี่ยวกับเม็ดสี ต้องเน้นกันแดดและส่วนผสมลดเมลานินหรือผลัดผิวอ่อนโยน
วิธีบ้านๆ ที่ปลอดภัย ช่วยให้จางไวขึ้น
ว่านหางจระเข้ทากลางคืนเพื่อลดอักเสบและปลอบผิว น้ำผึ้งดิบทาบางๆ 10–15 นาทีช่วยให้ผิวชุ่มชื้นและสงบ ขมิ้นชันผสมน้ำผึ้งผิวปกติหรือโยเกิร์ตผิวมันทาทิ้ง 10–15 นาทีสัปดาห์ละ 1–2 ครั้ง แตงกวาวางประคบ 15–20 นาทีลดร้อนผิวและความหมอง ทั้งหมดควรทดสอบแพ้หลังใบหู 24 ชั่วโมงก่อนใช้จริงและหลีกเลี่ยงบริเวณผิวถลอก
มะขามเปียก/มะนาว ใช้อย่างไรให้ปลอดภัย
ทั้งสองมีกรดธรรมชาติช่วยผลัดผิว แต่ระคายเคืองง่าย ควรเจือจางมากๆ ผสมกับน้ำผึ้ง/โยเกิร์ต ทาทิ้งสั้น 5–10 นาที เฉพาะช่วงค่ำ สัปดาห์ละไม่เกิน 1 ครั้ง และต้องทากันแดดทุกวัน งดใช้ทันทีหากแสบ คัน แดง หรือเป็นสิวอักเสบ
รูทีน 7 วัน ลดรอยดำแบบบ้านๆ
เช้า: ล้างหน้าสูตรอ่อนโยน ทาวิตามินซี/ไนอะซินาไมด์ถ้ามี ตามด้วยมอยส์เจอไรเซอร์และกันแดด SPF50+ PA+++ ปริมาณ 2 ข้อนิ้ว ทาซ้ำทุก 2–3 ชม. กลางแจ้ง เย็น: ล้างหน้าให้สะอาด ลงว่านหางจระเข้หรือเซรั่มปลอบผิว ปิดด้วยครีมให้ความชุ่มชื้น สัปดาห์ละ 1–2 ครั้งเพิ่มผลัดผิวอ่อนโยน (เช่น Lactic/AHA ต่ำๆ) และทำมาสก์ธรรมชาติที่ปลอดภัยตามเหมาะสม
ผลัดผิวอย่างอ่อนโยนแทนการสครับแรง
หลีกเลี่ยงสครับเม็ดหยาบที่ทำให้เกิดจุลบาดแผลและกระตุ้น PIH เลือก AHA อ่อนโยนอย่าง Lactic Acid ความเข้มข้นต่ำ เริ่มสัปดาห์ละ 1 ครั้ง เพิ่มเป็น 2 ครั้งเมื่อผิวรับได้ ทามอยส์เจอไรเซอร์ตามและห้ามลืมกันแดด
ทางเลือกเวชสำอางและการแพทย์
วิตามินซี เซรั่มไนอะซินาไมด์ อะเซเลอิกแอซิด และเรตินอยด์ช่วยเร่งการผลัดผิวและลดเม็ดสี ส่วนยาทาไฮโดรควิโนนต้องอยู่ภายใต้แพทย์ การทำหัตถการเช่น Chemical Peel (ไม่ใช่เลเซอร์), เลเซอร์กลุ่มพิโคเซคอนด์/เฟรคชันนอล และไมโครเดอร์มาเบรชัน ควรประเมินโดยผู้เชี่ยวชาญ
ข้อควรเลี่ยงเพื่อไม่ให้รอยเข้มกว่าเดิม
ไม่แกะสิว ไม่ขัดแรง ไม่ทามะนาว/มะขามเปียกแบบไม่เจือจาง ไม่ลองสูตรใหม่โดยไม่ทดสอบแพ้ และไม่ละเลยกันแดดเพราะ UV ทำให้รอยดื้อมากขึ้น
เมื่อไหร่ควรพบแพทย์
หากรอยดำกระจายกว้าง ร่วมกับสิวอักเสบเรื้อรัง มีผิวคล้ำผิดปกติหลังใช้สูตรบ้านๆ หรือจางช้ามากกว่า 3–6 เดือน แม้ดูแลเต็มที่แล้ว ควรปรึกษาแพทย์ผิวหนังเพื่อวางแผนการรักษาที่เหมาะสมและปลอดภัย
คำถามที่พบบ่อย (FAQ)
รอยดำจากสิวหายเองไหม ใช้เวลานานแค่ไหน
ส่วนมากจางเองได้ภายในราว 3–6 เดือน หากกันแดดสม่ำเสมอและลดการอักเสบ บางรายอาจนานถึง 12 เดือนขึ้นกับสีผิวและการดูแล
สูตรบ้านๆ อะไรปลอดภัยสำหรับผิวแพ้ง่าย
ว่านหางจระเข้ แตงกวา และน้ำผึ้งดิบถือว่าอ่อนโยนกว่า แนะนำทดสอบแพ้ก่อนและทาทิ้งช่วงสั้นๆ สัปดาห์ละ 1–2 ครั้ง
ใช้มะนาว/มะขามเปียกลดรอยได้จริงไหม
มีกรดธรรมชาติช่วยผลัดผิวแต่ระคายเคืองง่าย ต้องเจือจาง ใช้ตอนกลางคืน ทิ้งสั้นๆ และทากันแดดทุกวัน หากแสบแดงให้หยุดทันที
สครับผิวช่วยให้รอยหายไวขึ้นหรือไม่
สครับหยาบอาจทำให้อักเสบเพิ่มและรอยเข้มขึ้น ควรเลือกผลัดผิวเคมีอ่อนโยน (เช่น AHA ความเข้มข้นต่ำ) แทน พร้อมมอยส์เจอไรเซอร์และกันแดด
กันแดดแบบไหนเหมาะกับคนมีรอยดำ
SPF50+ PA+++ ขึ้นไป ปริมาณ 2 ข้อนิ้ว ทาซ้ำทุก 2–3 ชม.เมื่ออยู่กลางแจ้ง สูตรอ่อนโยนไม่อุดตันจะช่วยลดการเกิดสิวซ้ำและป้องกันรอยเข้ม