การเปลี่ยนสีผมเหมือนกับการเปลี่ยนแปลงครั้งใหม่ๆในชีวิต หลายคนก็เลือกสีผมตามความชอบ เลือกตามโชคลาภ บ้างก็เลือกตามคนรอบข้าง แต่จะดีกว่านี้ใหม่หากเลือกสีผมให้เหมาะกับสีผิว ให้เข้ากับใบหน้า การแต่ตัวและการแต่งหน้าก็อาจจะง่ายมากขึ้น แถมการเลือกสีผมให้เป็นก็อาจจะสร้างความโดดเด่นให้คุณไม่น้อย แล้วสีผมแบบไหนถึงจะเหมาะกับคุณ มาดูกันว่ามีสีแบบไหนบ้าง
- ผิวสีเข้ม เป็นผิวที่มีมากไม่น้อยในไทย การเลือกสีผมอย่างไรให้ไม่โดดจนเกินไป แต่ก็มีสีที่สวย เน้นความเป็นคนสุขภาพดี คือการเลือกสีผมแบบสีเข้มที่เน้นประกายสี เช่น สีประกายน้ำตาล สีช็อคโกแลต น้ำตาลที่ไม่ติดแดง จะทำให้ผิวเราดูสวยสุขภาพดี หากทำสีผมที่อ่อนจนเกินไป อาจจะทำให้ดูโดดไป การทำไล่สีผมหรือทำแบบออมเบรก็เหมาะกับผิวของสาวผิวเข้มไม่น้อย
- ผิวสีสองสี เป็นผิวที่สาวไทยส่วนใหญ่จะผิวสีนี้ไม่น้อย มีเสน่ห์ เหมาะกับสีผมที่ประกายทอง น้ำตาลอ่อน น้ำตาลแดง ประกายม่วง นอกจากนี้การทําสีผมแบบบาลายาจก็เหมาะกับาัผิวแบบไม่น้อย ช่วยขับผิวให้ดูสวยโดดเด่น สามารถแต่งหน้า แต่งตัวได้ง่าย แต่ไม่เหมาะกับผมสีดำ หรือน้ำตาลเข้ม เพราะยิ่งจะดูหมองคล้ำจนเกินไป
- ผิวขาวเหลือง เป็นสีผิวที่ดูซีด เป็นผิวที่ติดเหลือง การเลือกสีผมที่เหมาะสมจะทำให้คุณดูสุขภาพดียิ่งชึ้น สีผมที่เหมาะสมกับผิวคือสีผมติดแดงไม่ว่าจะเป็น สีแดง น้ำตาลแดง สีส้ม สีน้ำตาลมะฮอกกานี น้ำตาลดาร์กช็อคโกแลต ประกายม่วง ประกายแดง เป็นสีที่เน้นติดแดงจะทำให้ผิวด้วยมีสุขภาพ หน้าดูไม่ป่วย มีชีวิตชีวามากขึ้น
- ผิวขาวอมชมพู เป็นผิวที่สามารถเข้ากับทุกสีผม สามารถสนุกกับสีผมได้มาก ยิ่งผมสีเข้มก็เข้ากับสีผิวนี้ไม่น้อย เพราะจะช่วยขับสีผิวให้ดูโดดเด่นน่าสนใจยิ่งขึ้น เพราะผิวที่ขาวอมชมพูสามารถทำสีผมได้หลากหลาย แต่งหน้าไม่ยาก แม่จะเป็นผมธรรมชาติก็สามารถทำให้ตัวคุณเองโดดเด่นไม่เหมือนใคร
- วิธีดูแลเส้นผมหลังทำสี
- ทำไมการ "เลือกสีผมให้เข้ากับสีผิว" ถึงสำคัญ?
- เช็ค "อันเดอร์โทนผิว" (Skin Undertone) ของคุณก่อน!
- จับคู่สีผมกับอันเดอร์โทนผิว "สีผมเข้ากับสีผิว" แบบไหนปัง?
- เคล็ดลับเพิ่มเติมในการเลือกสีผมให้ "หน้าสว่าง" มีออร่า
- "ดูแลผมทำสี" อย่างไรให้สีสวยชัด ติดทนนาน ผมไม่เสีย?
- ปรึกษาช่างทำผมมืออาชีพ เพื่อผลลัพธ์ที่ดีที่สุด
วิธีดูแลเส้นผมหลังทำสี
- ไม่ควรสระผมบ่อยจนเกินไป ช่วงแรกของการทำสีผมไม่ควรสระผมทันทีต้องทิ้งไปสัก 1-2 วัน และไม่แนะนำสระผมบ่อยจนเกินไป เพราะอาจจะทำให้สีที่ทำมาอาจจะหลุดออกไป เสี่ยงหนังศีรษะแห้งได้ในอนาคต
- หลีกเลี่ยงการสระผมด้วยน้ำร้อน น้ำร้อนหรือน้ำอุ่น เป็นส่วนหนึ่งของผมเสีย เพราะอาจจะทำให้เกล็ดผมเปิด ผมเสียอาจจะเปราะขาดได้ ควรสระผมด้วยน้ำอุณหภูมิห้อง ไม่ร้อนหรือเย็นจนเกินไป
- ทรีทเม้นท์+ครีมนวดผมสม่ำเสมอ รู้หรือไม่ว่าทรีทเม้นท์และครีมนวดไม่เหมือนกัน ผมหลังสระผมการใช้ทรีทเม้นท์ต่อด้วยครีมนวดเพื่อปิดเกล็ดผมจะช่วยให้เส้นผมนุ่มลื่น และยังซ่อมแซมส่วนเกล็ดผมที่เสียให้คืนสภาพเดิมให้ได้
- ออยบำรุงผมก็สำคัญ หลังสระผมการซับผมให้หมาดและตามด้วยออยบำรุงผม เพื่อไม่ใช้ความชุ่มชื่นระเหยออกจากเส้นผม แถมยังช่วยให้ผมลื่นเรียงตัวสวย หวีผมได้ง่ายยิ่งขึ้น
- เป่าผมให้ถูกวิธี การเป่าผมด้วยลมร้อนหลายคนอาจจะมีความเชื่อว่าอาจจะทำให้ผมเสีย แต่จริงๆแล้ว การเป่าลมร้อนจะทำให้ผมแห้งเร็ว ผมเงางาม ลื่นเรียงตัว แถมทำให้ผมไม่อับชื้นอีกด้วย วิธีนี้ยังเหมาะมากสำหรับคนที่ชอบสระผมตอนกลางคืน เพราะตื่นมาก็สามารถจัดแต่งทรงผมได้ตามต้องการ
- การใช้น้ำหอมฉีดผมเพื่อลดกลิ่นสารเคมีหลังจากการย้อมสีผม
เคล็ดลับสำหรับการย้อมสีผม
- เลือกสีผมที่ใกล้เคียงกับสีผมธรรมชาติ จะช่วยให้การดูแลรักษาง่ายขึ้น และสีผมจะดูเป็นธรรมชาติมากขึ้น
- ทำไฮไลท์หรือบาลายาจ เป็นอีกทางเลือกหนึ่งสำหรับคนที่อยากเปลี่ยนสีผม แต่ไม่อยากย้อมสีผมทั้งหัว
- ปรึกษาช่างทำผมก่อนตัดสินใจ ช่างทำผมมืออาชีพจะสามารถให้คำแนะนำและช่วยคุณเลือกสีผมที่เหมาะสมที่สุด
ทำไมการ “เลือกสีผมให้เข้ากับสีผิว” ถึงสำคัญ?
การเลือกสีผมที่เหมาะสมกับโทนสีผิวจะช่วย
- ขับผิวให้ดูสว่างสดใสขึ้น สีผมที่ใช่จะช่วยให้ใบหน้าดูมีออร่า ไม่หมองคล้ำ
- เสริมให้ใบหน้าดูโดดเด่น ช่วยเน้นจุดเด่นบนใบหน้า เช่น สีตา หรือโครงหน้า
- สร้างลุคที่เป็นธรรมชาติ แม้จะเป็นสีแฟชั่น แต่ถ้าเข้ากับสีผิวก็จะดูไม่แปลกตาหรือโดดจนเกินไป
- เพิ่มความมั่นใจ เมื่อสีผมสวยเข้ากับใบหน้า ก็ย่อมส่งผลต่อความรู้สึกมั่นใจในตัวเอง
เช็ค “อันเดอร์โทนผิว” (Skin Undertone) ของคุณก่อน!
ก่อนจะไปเลือกสีผม สิ่งสำคัญที่สุดคือการรู้จัก “อันเดอร์โทนผิว” ของตัวเอง ซึ่งแตกต่างจากสีผิวภายนอก (Skin Tone) ที่เราเห็น อันเดอร์โทนคือโทนสีที่ซ่อนอยู่ใต้ผิวหนังและไม่เปลี่ยนแปลงตามแสงแดด แบ่งหลักๆ ได้เป็น
- โทนอุ่น (Warm Undertone) ผิวจะมีประกายสีเหลืองทอง พีช หรือส้มอ่อนๆ
- วิธีเช็ค เส้นเลือดที่ข้อมือในแสงธรรมชาติจะเห็นเป็นสีเขียว / เหมาะกับเครื่องประดับสีทอง / ผิวคล้ำง่ายเมื่อโดนแดด
- โทนเย็น (Cool Undertone) ผิวจะมีประกายสีชมพู แดง หรือฟ้าอ่อนๆ
- วิธีเช็ค เส้นเลือดที่ข้อมือในแสงธรรมชาติจะเห็นเป็นสีม่วงหรือน้ำเงิน / เหมาะกับเครื่องประดับสีเงิน / ผิวจะแดงและไหม้ง่ายเมื่อโดนแดด
- โทนกลาง (Neutral Undertone) ผิวจะไม่มีประกายสีเหลืองหรือชมพูชัดเจน หรืออาจมีทั้งสองสีผสมกัน
- วิธีเช็ค เส้นเลือดที่ข้อมืออาจเห็นทั้งสีเขียวและสีม่วง/น้ำเงิน / เหมาะกับเครื่องประดับทั้งสีทองและสีเงิน
จับคู่สีผมกับอันเดอร์โทนผิว “สีผมเข้ากับสีผิว” แบบไหนปัง?
เมื่อรู้จักอันเดอร์โทนผิวของตัวเองแล้ว ก็มาถึงขั้นตอนการเลือกสีผมที่ใช่
- ผิวโทนอุ่น (Warm Undertone – เช่น “สีผมสำหรับผิวขาวเหลือง”, “สีผมสำหรับผิวสองสี” หรือผิวแทนโทนเหลือง)
- โทนน้ำตาลอุ่น เช่น น้ำตาลช็อกโกแลต, น้ำตาลคาราเมล, น้ำตาลทอง (Golden Brown), น้ำตาลมะฮอกกานี
- โทนบลอนด์อุ่น เช่น บลอนด์ทอง (Golden Blonde), บลอนด์น้ำผึ้ง (Honey Blonde), บลอนด์สตรอว์เบอร์รี (Strawberry Blonde)
- โทนแดงอุ่น เช่น แดงอมส้ม (Copper), แดงมะฮอกกานี, แดงออเบิร์น (Auburn)
- สีที่ควรเลี่ยง สีโทนเย็นจัดๆ เช่น บลอนด์เทาเข้ม หรือสีน้ำเงิน เพราะอาจทำให้ใบหน้าดูเหลืองหรือซีดเซียวขึ้น
- ผิวโทนเย็น (Cool Undertone – เช่น ผิวขาวอมชมพู, ผิวขาวซีด)
- โทนน้ำตาลเย็น เช่น น้ำตาลหม่น (Ash Brown), น้ำตาลเทา, น้ำตาลช็อกโกแลตเข้มอมม่วง
- โทนบลอนด์เย็น เช่น บลอนด์เทา (Ash Blonde), บลอนด์แพลตตินั่ม (Platinum Blonde), บลอนด์อมชมพู
- โทนแดงเย็น เช่น แดงเบอร์กันดี, แดงอมม่วง, แดงไวน์
- สีแฟชั่น เช่น “สีผมเทา”, สีน้ำเงิน, สีม่วงพาสเทล
- สีที่ควรเลี่ยง สีโทนทองจัดๆ หรือสีส้ม เพราะอาจทำให้ใบหน้าดูแดงหรือหมอง
- ผิวโทนกลาง (Neutral Undertone) โชคดีที่สุด! คุณสามารถทำสีผมได้หลากหลายทั้งโทนอุ่นและโทนเย็น ลองเลือกสีที่ช่วยขับสีตา หรือเลือกตามความชอบส่วนตัวได้เลย อาจจะลองเป็นสีน้ำตาลกลางๆ (Medium Brown) ที่ไม่ติดเหลืองหรือแดงจัด หรือสีบรอนซ์ (Bronze) ก็สวยค่ะ
พิจารณาสีผิวธรรมชาติ (Natural Skin Tone) และสีตา
นอกเหนือจากอันเดอร์โทนแล้ว สีผิวภายนอกและสีตาก็มีส่วนช่วยในการตัดสินใจ
- ผู้ที่มีผิวขาว สามารถเลือกสีผมได้หลากหลาย แต่ถ้าอยากให้ใบหน้าดูเด่น ควรเลือกสีผมที่เข้มกว่าสีผิวเล็กน้อย หรือถ้าอยากได้ลุคซอฟต์ๆ อาจเลือกสีอ่อนกว่าผิว
- ผู้ที่มีผิวปานกลาง/ผิวสองสี สีน้ำตาลคาราเมล น้ำตาลช็อกโกแลต หรือสีบรอนซ์จะช่วยขับผิวให้ดูสุขภาพดี
- ผู้ที่มีผิวแทน/ผิวเข้ม สีน้ำตาลเข้ม เอสเปรสโซ่ หรือสีดำธรรมชาติจะดูสวยคลาสสิก หากต้องการเพิ่มมิติอาจทำไฮไลท์สีน้ำผึ้งหรือคาราเมล
- สีตา หากมีตาสีอ่อน (เช่น ฟ้า, เขียว) สีผมโทนเย็นอาจจะเข้ากันได้ดี ส่วนตาสีเข้ม (น้ำตาล, ดำ) มักจะเข้าได้กับสีผมหลากหลาย
เทรนด์ สีผม ที่น่าสนใจ และการปรับใช้ให้เข้ากับคุณ
เทรนด์สีผมที่คาดว่าจะมาแรงยังคงเน้นความเป็นธรรมชาติแต่มีมิติ และสีสันที่ดูสนุกสนานแต่ยังคงความหรูหรา:
- Warm Espresso / Chocolate Cherry สีน้ำตาลเข้มลุ่มลึก อาจมีประกายแดงเชอร์รี่ซ่อนอยู่ เหมาะกับหลายโทนสีผิว โดยเฉพาะผิวโทนอุ่น
- Honey Blonde / Caramel Highlights สีบลอนด์น้ำผึ้ง หรือการทำไฮไลท์สีคาราเมลบนพื้นผมสีน้ำตาล ช่วยเพิ่มความสว่างและมิติให้ใบหน้า
- Dusty Rose / Soft Lavender สีชมพูกุหลาบหม่นๆ หรือสีม่วงลาเวนเดอร์อ่อนๆ สำหรับสายแฟชั่นที่ต้องการความละมุนแต่ไม่ฉูดฉาด เหมาะกับผิวโทนเย็นหรือโทนกลาง
- Ash Gray / Silver Accents “สีผมเทา” หรือสีเงินยังคงเป็นที่นิยม แต่อาจมาในรูปแบบของการทำไฮไลท์ หรือ Balayage เพื่อไม่ให้ดูแรงจนเกินไป
- Rich Copper / Auburn Glow สีทองแดงหรือสีแดงออเบิร์นที่ดูมีชีวิตชีวา เหมาะกับผิวโทนอุ่นที่ต้องการความโดดเด่น
การปรับใช้ เลือกเฉดสีที่อยู่ในเทรนด์แล้วนำมาปรับให้เข้ากับอันเดอร์โทนและสีผิวของเรา เช่น หากผิวโทนอุ่นแต่อยากทำสีเทา อาจเลือกเป็นเทาหม่นประกายน้ำตาล (Ash Brown) แทนที่จะเป็นเทาเงินสว่าง
เคล็ดลับเพิ่มเติมในการเลือกสีผมให้ “หน้าสว่าง” มีออร่า
- การทำไฮไลท์ (Highlights) หรือโลว์ไลท์ (Lowlights) ช่วยเพิ่มมิติให้เส้นผมและทำให้ใบหน้าดูสว่างขึ้น
- การทำสีแบบ Balayage หรือ Ombre เป็นเทคนิคที่ช่วยให้สีผมดูมีมิติและเป็นธรรมชาติ
- เลือกสีที่สว่างกว่าสีผมธรรมชาติเล็กน้อยบริเวณกรอบหน้า จะช่วยให้ใบหน้าดูซอฟต์และสว่างขึ้น
- การศึกษา รีวิวสีผม จากคนที่มีสีผิวใกล้เคียงกันก็เป็นไอเดียที่ดี
“ดูแลผมทำสี” อย่างไรให้สีสวยชัด ติดทนนาน ผมไม่เสีย?
การทำสีผมเป็นการทำร้ายเส้นผมในระดับหนึ่ง ดังนั้นการดูแลหลังทำสีจึงสำคัญมาก
- เลือกใช้ “แชมพูสำหรับผมทำสี” และ “ครีมนวดสำหรับผมทำสี” ผลิตภัณฑ์เหล่านี้มักจะปราศจากซัลเฟต (Sulfate-Free) หรือมีส่วนผสมที่ช่วยรักษาสีผมให้ติดทนนานและไม่ซีดจางเร็ว
- สระผมด้วยน้ำเย็นหรือน้ำอุณหภูมิปกติ น้ำร้อนจะทำให้เกล็ดผมเปิดและสีผมหลุดออกได้ง่าย
- ลดความถี่ในการสระผม การสระผมบ่อยเกินไปจะทำให้สีผมซีดเร็วขึ้น หากจำเป็นอาจใช้ดรายแชมพู (Dry Shampoo) ช่วยในวันที่ไม่ได้สระผม
- ใช้ทรีทเม้นท์บำรุงผมเป็นประจำ (Hair masks, deep conditioners) ผมทำสีต้องการการบำรุงเป็นพิเศษ ควรหมักผมด้วยทรีทเม้นท์หรือมาส์กอย่างน้อยสัปดาห์ละ 1-2 ครั้ง เพื่อเพิ่มความชุ่มชื้นและความแข็งแรงให้เส้นผม
- ปกป้องผมจากความร้อนและแสงแดด
- ก่อนใช้อุปกรณ์ทำผมที่ใช้ความร้อน (ไดร์, ที่หนีบ, ที่ม้วน) ควรใช้ผลิตภัณฑ์ป้องกันความร้อน (Heat Protectant) ทุกครั้ง
- แสงแดดก็เป็นอีกตัวการที่ทำให้สีผมซีดจาง อาจใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีสารป้องกันรังสี UV สำหรับเส้นผม หรือสวมหมวกเมื่อต้องอยู่กลางแจ้งนานๆ
- หลีกเลี่ยงคลอรีนและน้ำทะเล คลอรีนในสระว่ายน้ำและน้ำทะเลสามารถทำให้สีผมเพี้ยนและแห้งเสียได้ หากต้องลงเล่นน้ำ ควรใส่หมวกว่ายน้ำ หรือรีบสระผมและบำรุงทันทีหลังขึ้นจากสระ
ปรึกษาช่างทำผมมืออาชีพ เพื่อผลลัพธ์ที่ดีที่สุด
หากคุณไม่แน่ใจว่าจะเลือกสีผมไหนดี หรือต้องการทำสีผมที่ต้องใช้เทคนิคพิเศษ เช่น การฟอกสี การทำไฮไลท์ หรือสีแฟชั่นจัดๆ การปรึกษาช่างทำผมมืออาชีพเป็นทางเลือกที่ดีที่สุด ช่างทำผมจะสามารถประเมินสภาพเส้นผม สีผิว และแนะนำสีที่เหมาะสมกับคุณได้อย่างแม่นยำ รวมถึงช่วยดูแลให้การทำสีออกมาสวยงามและผมเสียน้อยที่สุดการเลือกสีผมที่เหมาะสมและการดูแลผมอย่างถูกวิธี จะช่วยให้คุณมีผมสวยสุขภาพดี และเพิ่มความมั่นใจให้กับคุณได้มากขึ้น