สารสกัดดอกทองกวาว (Butea monosperma) หรือ Palash/Flame of the Forest อุดมฟลาโวนอยด์และแชลโคนสำคัญอย่าง butein, butin, butrin และ isobutrin ช่วยต้านอนุมูลอิสระ ลดการอักเสบ และมีบทบาทยับยั้งเอนไซม์ที่เกี่ยวข้องกับเม็ดสี ผิวจึงดูใสและเรียบเนียนขึ้น เหมาะกับสูตรบางเบาแบบเซรั่ม–ครีมเจลในอากาศร้อนชื้นของไทย สนใจสำรวจวัตถุดิบอื่นดูที่ สารสกัดสกินแคร์
- ข้อมูลสรุปสำคัญของ สารสกัดดอกทองกวาว
- สารสกัดดอกทองกวาว คืออะไร และมาจากไหน
- ส่วนประกอบสำคัญและกลไกการทำงาน
- ประโยชน์ของ สารสกัดดอกทองกวาว (Butea Monosperma Flower Extract)
- กรณีศึกษาและการใช้งานจริงของ สารสกัดดอกทองกวาว
- ดีต่อเส้นผมและส่วนอื่นของร่างกาย
- ใช้ในสกินแคร์อะไรได้บ้าง
- ข้อดีและข้อควรระวัง
- งานวิจัยและการรองรับมาตรฐาน
- แหล่งอ้างอิงทางวิทยาศาสตร์
- สรุป
- คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับ สารสกัดดอกทองกวาว (Butea Monosperma Extract)
ข้อมูลสรุปสำคัญของ สารสกัดดอกทองกวาว
- ชื่อสารสกัดและ INCI: Butea Monosperma Flower Extract
- แหล่งที่มาและวิธีสกัด: จากกลีบดอก/ก้านดอกทองกวาว สกัดน้ำ–กลีเซอรีน/เอทานอล หรือเฟรคชันโพลีฟีนอล
- กลไกและสารสำคัญ: chalcones/flavonoids (butein, butin), glycosides (butrin, isobutrin), phenolic acids—ต้านออกซิเดชัน ลดไซโตไคน์อักเสบ และศักยภาพยับยั้งไทโรซิเนส
- คุณสมบัติเด่น: ปลอบผิว–ลดแดง ผิวกระจ่างใสขึ้นอย่างค่อยเป็นค่อยไป เสริมชุ่มชื้นและบาเรีย
- เหมาะกับผลิตภัณฑ์: เซรั่ม, ครีม, สครับ, โทนเนอร์/เอสเซนส์, มาส์ก, แชมพู/โทนิคหนังศีรษะ
- มาตรฐานและการรับรอง: ระบุในฐานข้อมูล INCI/CoSING และสามารถใช้ในสูตรที่ยื่นขอรับรอง COSMOS/ECOCERT เมื่อวัตถุดิบและกระบวนการเป็นไปตามเกณฑ์
สารสกัดดอกทองกวาว คืออะไร และมาจากไหน
ทองกวาว (Butea monosperma) เป็นไม้ดอกสีส้ม–แดงจัดในเอเชียใต้และเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ กลีบดอกมีโพลีฟีนอลสูง จึงถูกพัฒนาเป็นสารสกัดเครื่องสำอางเพื่อปลอบผิว ต้านออกซิเดชัน และช่วยให้โทนสีผิวดูสม่ำเสมอ เทคโนโลยีสกัดสมัยใหม่เน้นคงสารกลุ่มแชลโคน/ฟลาโวนอยด์และลดตัวกระตุ้นการระคาย เหมาะกับแบรนด์ที่ต้องการสูตรสะอาด บางเบา และเป็นมิตรต่อผิว
ส่วนประกอบสำคัญและกลไกการทำงาน
บิวทีน (butein) และบูติน (butin) เป็นฟลาโวนอยด์/แชลโคนที่มีบทบาทต้านอนุมูลอิสระและลดตัวกลางการอักเสบ ขณะที่บูทริน/ไอโสบูทรินเป็นกลัยโคไซด์ที่ช่วยคงประสิทธิภาพของโพลีฟีนอล กลไกโดยรวมช่วยปกป้องผิวหน้าจากออกซิเดทีฟสเตรส ลดสัญญาณอักเสบ และมีศักยภาพยับยั้งไทโรซิเนส จึงส่งเสริมลุคผิวกระจ่างใสและลดริ้วรอยตื้นๆ เมื่อใช้สม่ำเสมอพร้อมการปกป้องแดด
ประโยชน์ของ สารสกัดดอกทองกวาว (Butea Monosperma Flower Extract)
สรุปประโยชน์: ปลอบผิว–ลดแดง เติมชุ่มชื้น ต้านออกซิเดชัน และช่วยให้โทนสีผิวสม่ำเสมอ เหมาะกับ “วิธีเลือกเซรั่มที่มีส่วนผสมจากดอกทองกวาวสำหรับผิวแห้งแพ้ง่าย/ผิวมันเป็นสิวง่าย”
1. ฟื้นฟูผิวแห้งให้ชุ่มชื้น
โพลีแซ็กคาไรด์และกรดอะมิโนจากสารสกัดช่วยโอบอุ้มน้ำ ลดการสูญเสียน้ำผ่านผิว (TEWL) เมื่อผสานไฮยาลูรอนิกหรือกลีเซอรีน ผิวรู้สึกอิ่มน้ำ นุ่มเด้ง เหมาะกับเซรั่ม–ครีมเจลในอากาศร้อนชื้น
2. บำรุงเส้นผมและหนังศีรษะ
ศักยภาพปลอบผิวและแอนติออกซิแดนต์ ช่วยให้หนังศีรษะรู้สึกสมดุล ลดความคัน/มันเงา เส้นผมดูเงางามขึ้น เหมาะกับแชมพูอ่อนโยนหรือโทนิคหนังศีรษะ
3. ลดสิวและการอักเสบ
ฟลาโวนอยด์ของทองกวาวมีบทบาทลดไซโตไคน์อักเสบ เหมาะกับโทนเนอร์/เอสเซนส์สำหรับผิวมัน–เป็นสิวง่าย จับคู่ไนอะซินาไมด์หรือซิงค์ PCA เพื่อเสริมประสิทธิภาพ
4. ผิวกระจ่างใสและโทนสีสม่ำเสมอ
ศักยภาพยับยั้งไทโรซิเนสของกลุ่มแชลโคน ช่วยลดความหมองคล้ำจากออกซิเดทีฟสเตรส ผิวดูสว่างใสขึ้นอย่างค่อยเป็นค่อยไป ควรใช้กันแดดทุกวัน
5. ปลอบผิวไวหลังทำทรีตเมนต์
ฤทธิ์ปลอบผิวและต้านออกซิเดชัน เหมาะใช้หลังสครับ/กรดผลัดผิวอ่อน เพื่อช่วยคืนสมดุลและลดความแห้งตึง
6. ดูแลริมฝีปากและมือที่แห้งลอก
บาล์มหรือครีมทามือผสมสารสกัดดอกทองกวาว ช่วยเพิ่มสัมผัสนุ่มลื่น ลดความหยาบกร้าน และเสริมชุ่มชื้นยาวนาน
กรณีศึกษาและการใช้งานจริงของ สารสกัดดอกทองกวาว
มีรายงานในหลอดทดลองและระดับอาสาสมัครที่สนับสนุนฤทธิ์แอนติออกซิแดนต์–ต้านอักเสบ และศักยภาพยับยั้งเอนไซม์เม็ดสีของสารในดอกทองกวาว แนวโน้มอุตสาหกรรมคือสูตรมินิมัลสำหรับผิวไว และการใช้เฟรคชันโพลีฟีนอลมาตรฐานเพื่อเสถียรภาพที่ดีขึ้นในเซรั่ม/เอสเซนส์
ดีต่อเส้นผมและส่วนอื่นของร่างกาย
ในแฮร์แคร์ช่วยให้หนังศีรษะรู้สึกสะอาดสมดุลและเส้นผมดูเงางาม ส่วนผิวกายใช้ในโลชั่น/มาส์กเพื่อให้ผิวเรียบเนียน ชุ่มชื้น และสบายผิว
ใช้ในสกินแคร์อะไรได้บ้าง
ตัวอย่าง: เซรั่ม, ครีม, สครับ, โทนเนอร์/เอสเซนส์, มาส์กล้างออก, แชมพู/โทนิคหนังศีรษะ
ข้อดีและข้อควรระวัง
ข้อดี
- ต้านอนุมูลอิสระ–ปลอบผิว ลดรอยแดงและความหมองคล้ำ
- ศักยภาพยับยั้งไทโรซิเนส ช่วยให้โทนสีผิวดูสม่ำเสมอ
- เข้ากับสูตรใส–บางเบา เหมาะกับอากาศร้อนชื้นและผิวแพ้ง่าย
ข้อควรระวัง
- ยึดตาม TDS/กฎระเบียบท้องถิ่น และทดสอบเสถียรภาพสี–กลิ่นของสารสกัดจากดอก
- ผู้มีผิวไวควรทำแพตช์เทสต์ โดยเฉพาะสูตรเข้มข้นหรือใช้รอบดวงตา
- ผลลัพธ์ขึ้นกับความสม่ำเสมอในการใช้ และควรทากันแดดทุกวัน
งานวิจัยและการรองรับมาตรฐาน
เอกสารวิจัยรายงานสารแอคทีฟกลุ่มแชลโคน/ฟลาโวนอยด์ (เช่น butein/butin) จาก Butea monosperma ที่มีฤทธิ์แอนติออกซิแดนต์–ต้านอักเสบ และบทบาทยับยั้งไทโรซิเนสบางส่วน ขณะที่ INCI/CoSING ระบุ Butea Monosperma Flower Extract เป็นวัตถุดิบเครื่องสำอาง และสามารถบูรณาการในสูตรที่ยื่นขอรับรอง COSMOS/ECOCERT เมื่อวัตถุดิบและกระบวนการผ่านเกณฑ์
แหล่งอ้างอิงทางวิทยาศาสตร์
- Butea monosperma & antioxidant/anti-inflammatory – PubMed search
- Butein & tyrosinase inhibition – PubMed search
- Butea Monosperma Flower Extract – SpecialChem INCI
สรุป
อยากทำแบรนด์สกินแคร์ด้วยสารสกัดดอกทองกวาว? ทีมวิจัยและโรงงานของเราพร้อมช่วยออกแบบสูตรอ่อนโยนสำหรับผิวไทย ทั้งสาย รับผลิต, OEM และ สร้างแบรนด์สกินแคร์ ให้ได้มาตรฐานและแตกต่าง ดูรายละเอียดบริการผลิตสกินแคร์
คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับ สารสกัดดอกทองกวาว (Butea Monosperma Extract)
ปลอดภัยไหมสำหรับผิวแพ้ง่าย?
โดยทั่วไปปลอดภัยเมื่อใช้ในระดับที่เหมาะสมและเลือกวัตถุดิบมาตรฐาน แนะนำทำแพตช์เทสต์ โดยเฉพาะผู้มีผิวไว
ควรใช้กี่เปอร์เซ็นต์ในสูตร?
สารสกัดน้ำ/กลีเซอรีนมักใช้ 0.5–5% ในผลิตภัณฑ์คงอยู่บนผิว ส่วนเฟรคชันโพลีฟีนอลเข้มข้นให้ยึดตาม TDS ของซัพพลายเออร์
ช่วยเรื่องความกระจ่างใสได้ไหม?
มีศักยภาพยับยั้งเอนไซม์เม็ดสีและต้านออกซิเดชัน จึงช่วยให้โทนสีผิวสม่ำเสมอขึ้นเมื่อใช้สม่ำเสมอและทากันแดด
ใช้ร่วมกับสารอะไรได้ดี?
เข้ากันได้ดีกับไฮยาลูรอนิก/กลีเซอรีน ไนอะซินาไมด์ วิตามินซีรูปแบบเสถียร เฟรูลิก และเซราไมด์
ต่างจากสารสกัดดอกไม้อื่นอย่างไร?
โดดเด่นที่กลุ่มแชลโคน/ฟลาโวนอยด์ (butein/butin) ให้ผลต้านออกซิเดชัน–ปลอบผิว พร้อมศักยภาพยับยั้งไทโรซิเนสในตัว