การผลิต เครื่องสำอางสำหรับเด็ก ไม่ใช่แค่การเลือกวัตถุดิบที่ปลอดภัยเท่านั้น แต่ยังต้องผ่านการรับรองจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง โดยเฉพาะ สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ซึ่งเป็นหน่วยงานหลักในการควบคุมและรับรองความปลอดภัยของผลิตภัณฑ์ทุกชนิดที่ใช้กับเด็ก เพื่อให้มั่นใจว่าผลิตภัณฑ์นั้นเหมาะสมต่อผิวที่บอบบางของเด็กอย่างแท้จริง
เกณฑ์การจัดประเภทเครื่องสำอางเด็กตาม อย.
เครื่องสำอางเด็กในประเทศไทยจัดอยู่ในหมวด “เครื่องสำอางทั่วไป” แต่มีเงื่อนไขพิเศษที่เข้มงวดกว่าเครื่องสำอางผู้ใหญ่ เนื่องจากผู้ใช้มีความอ่อนไหวต่อสารเคมีสูง ดังนั้น อย. จึงกำหนดให้ผู้ผลิตต้องยื่นเอกสารและข้อมูลเพิ่มเติม เช่น รายละเอียดวัตถุดิบ, ความเข้มข้นของสาร, และผลการทดสอบการระคายเคือง
หลังจากผลิตภัณฑ์ได้รับการจดแจ้งเรียบร้อยแล้ว เจ้าของแบรนด์สามารถตรวจสอบความถูกต้องของหมายเลขจดแจ้งได้ด้วยตนเองผ่านระบบออนไลน์ของ อย. ซึ่งมีขั้นตอนอธิบายไว้ในบทความ วิธีเช็คเลข อย. เครื่องสำอางแบบละเอียด เพื่อช่วยให้มั่นใจว่าผลิตภัณฑ์ของคุณปลอดภัยและผ่านการรับรองอย่างถูกต้อง
มาตรฐานโรงงานเครื่องสำอางที่ต้องมี
โรงงานที่ผลิตเครื่องสำอางเด็กต้องผ่านการรับรองมาตรฐานการผลิตอย่างน้อยหนึ่งประเภทต่อไปนี้
- GMP (Good Manufacturing Practice): ระบบควบคุมคุณภาพการผลิตที่ครอบคลุมตั้งแต่วัตถุดิบจนถึงการบรรจุ
- ISO 22716: มาตรฐานระดับสากลที่ระบุแนวทางการจัดการด้านสุขอนามัยและความปลอดภัยของผลิตภัณฑ์
- Cleanroom Production: ห้องผลิตปลอดฝุ่นสำหรับผลิตภัณฑ์เด็กโดยเฉพาะ
การเลือก โรงงานเครื่องสำอาง ที่ผ่านมาตรฐานเหล่านี้ จะช่วยให้ขั้นตอนการจดแจ้งและการตรวจสอบจาก อย. เป็นไปได้อย่างราบรื่นและลดความเสี่ยงต่อการไม่ผ่านอนุมัติ
ขั้นตอนการจดแจ้งผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางเด็ก
การจดแจ้งกับ อย. เป็นกระบวนการสำคัญที่ทุกแบรนด์ต้องดำเนินการก่อนจำหน่ายผลิตภัณฑ์ในท้องตลาด โดยมีขั้นตอนหลักดังนี้:
- เตรียมข้อมูลผลิตภัณฑ์ เช่น ชื่อสูตร ส่วนผสม และรูปแบบการใช้
- ยื่นเอกสารผ่านระบบ e-Submission ของ อย.
- แนบเอกสารประกอบ เช่น COA (Certificate of Analysis) และ SDS (Safety Data Sheet)
- รอการตรวจสอบและอนุมัติหมายเลขจดแจ้ง
หมายเลขจดแจ้งจะเป็นตัวบ่งชี้ความถูกต้องของผลิตภัณฑ์และสามารถตรวจสอบได้ผ่านเว็บไซต์ของ อย.
สารต้องห้ามในเครื่องสำอางเด็ก
อย. กำหนดรายการ “สารต้องห้าม” ที่ห้ามใช้ในผลิตภัณฑ์เด็ก เช่น
- Hydroquinone, Mercury และ Retinoic Acid
- Phthalates และ Formaldehyde
- สีสังเคราะห์บางชนิดที่อาจก่อให้เกิดอาการแพ้
การใช้สารเหล่านี้ถือว่าผิดกฎหมายและอาจถูกเพิกถอนใบอนุญาตผลิตหรือจำหน่ายทันที
ผลกระทบหากไม่ผ่านการรับรองจาก อย.
หากผลิตภัณฑ์ไม่ผ่านการตรวจสอบจาก อย. จะไม่สามารถจำหน่ายในประเทศไทยได้ และอาจถูกเรียกคืนสินค้าหรือโดนโทษปรับ ทั้งยังส่งผลเสียต่อภาพลักษณ์ของแบรนด์ในระยะยาว ดังนั้นเจ้าของแบรนด์ควรร่วมมือกับโรงงานที่เข้าใจขั้นตอนเหล่านี้เป็นอย่างดี
แนวโน้มกฎหมายเครื่องสำอางเด็ก ปี 2025
อย. มีแนวโน้มปรับเกณฑ์ใหม่ให้เข้มงวดขึ้น โดยเฉพาะเรื่องการโฆษณาและคำกล่าวอ้าง (Claim) เช่น “ปลอดภัย 100%” หรือ “ใช้ได้ตั้งแต่แรกเกิด” ซึ่งต้องมีหลักฐานทางวิทยาศาสตร์สนับสนุน การอัปเดตข้อมูลกฎหมายจึงเป็นสิ่งที่เจ้าของแบรนด์ควรติดตามอย่างต่อเนื่อง
สรุป
กฎหมายและมาตรฐาน อย. คือหัวใจของการพัฒนาเครื่องสำอางเด็กที่ปลอดภัยและน่าเชื่อถือ แบรนด์ที่ให้ความสำคัญกับขั้นตอนเหล่านี้จะสร้างความไว้วางใจในระยะยาวกับผู้บริโภค บทถัดไปเราจะพาไปดูแนวทาง เริ่มต้นสร้างแบรนด์เครื่องสำอางสำหรับเด็กยังไงให้แตกต่าง เพื่อเปลี่ยนความรู้ให้กลายเป็นธุรกิจจริง
คำถามที่พบบ่อย
ผลิตภัณฑ์เด็กทุกชนิดต้องขออนุญาต อย. ไหม?
ต้องจดแจ้งทุกผลิตภัณฑ์ก่อนจำหน่าย เพื่อยืนยันว่าไม่เข้าข่ายสารต้องห้ามและมีส่วนประกอบถูกต้องตามกฎหมาย
อย. ตรวจสอบอะไรบ้างในขั้นตอนอนุมัติ?
ตรวจสอบสูตร ส่วนผสม ความเข้มข้น และข้อมูลเอกสารประกอบ เช่น SDS, COA
สามารถใช้คำว่า “ปลอดภัย 100%” ได้ไหม?
ไม่ควรใช้ หากไม่มีหลักฐานการทดสอบทางคลินิกรองรับ เพราะถือเป็นการโฆษณาเกินจริง
ผลิตในโรงงานที่ไม่มี GMP ได้ไหม?
ไม่แนะนำ เพราะอาจไม่ผ่านการจดแจ้ง อย. และส่งผลต่อความน่าเชื่อถือของแบรนด์
การจดแจ้งผลิตภัณฑ์ใช้เวลานานไหม?
โดยทั่วไปใช้เวลาเฉลี่ย 7–15 วันทำการ ขึ้นอยู่กับความครบถ้วนของเอกสารที่ยื่น