เมื่อพูดถึงผลิตภัณฑ์บำรุงเส้นผมในปัจจุบัน คำว่า “บูสเตอร์ (Booster)” เริ่มถูกนำมาใช้บ่อยขึ้น โดยเฉพาะในสูตร OEM สำหรับแบรนด์ที่ต้องการพัฒนาสูตรพิเศษเฉพาะทางให้แตกต่างจากคู่แข่ง แล้วบูสเตอร์คืออะไร? มีบทบาทอย่างไรกับการ ผลิตเซรั่มผม OEM มาดูกัน
บูสเตอร์คืออะไร?
บูสเตอร์ในที่นี้หมายถึง สารออกฤทธิ์เข้มข้น (Active Booster Ingredients) ที่ถูกเติมลงในผลิตภัณฑ์เซรั่มหรือทรีตเมนต์เพื่อเสริมประสิทธิภาพการทำงานของสูตรเดิมให้แรงขึ้นและตรงจุดยิ่งขึ้น โดยมักใช้ในปริมาณที่คำนวณอย่างแม่นยำ เพื่อไม่ให้ก่อให้เกิดการระคายเคือง
การใช้บูสเตอร์ในเซรั่มผมจึงช่วยให้การบำรุงลึกกว่าเซรั่มทั่วไป ให้ผลลัพธ์ที่ชัดเจนขึ้นในเรื่องที่แบรนด์ต้องการเน้น
บูสเตอร์ในเซรั่มผมมีกี่ประเภท?
แต่ละแบรนด์สามารถเลือกบูสเตอร์เฉพาะทางที่ตรงกลุ่มเป้าหมายได้หลากหลาย เช่น:
- บูสเตอร์เร่งผมงอกใหม่ (Hair Growth Booster)
เช่น Peptide Complex, Caffeine, Redensyl, Capixyl ที่ช่วยกระตุ้นวงจรการงอกของเส้นผม - บูสเตอร์ลดผมขาดหลุดร่วง (Anti-Hair Loss Booster)
เช่น Biotin, Vitamin B Complex, Saw Palmetto ลดการหลุดร่วงของรากผม - บูสเตอร์บำรุงหนังศีรษะ (Scalp Care Booster)
เช่น Zinc PCA, Salicylic Acid, Tea Tree ช่วยลดรังแคและความมันส่วนเกิน - บูสเตอร์ป้องกันความร้อนและมลภาวะ (Heat & Pollution Protection Booster)
เช่น Keratin Hydrolyzed, Silk Protein, Antioxidants ปกป้องเส้นผมจากความร้อนและฝุ่นควัน - บูสเตอร์เพิ่มความเงางามและความนุ่มลื่น (Shine & Smooth Booster)
เช่น Argan Oil, Jojoba Oil, Vitamin E บำรุงปลายผมแตกแห้งเสียให้เรียบลื่น
ทำไมแบรนด์ OEM ควรใช้บูสเตอร์ในสูตรเซรั่มผม?
- สร้างความแตกต่างจากสูตรทั่วไปในตลาด
- ปรับสูตรให้ตรงปัญหาเส้นผมเฉพาะกลุ่มเป้าหมาย
- เพิ่มมูลค่าและความน่าสนใจให้ผลิตภัณฑ์
- ตอบโจทย์ตลาดพรีเมียมที่เน้นผลลัพธ์เฉพาะทาง
- ช่วยขยายกลุ่มสินค้าภายในแบรนด์ได้หลากหลายมากขึ้น
ข้อควรรู้เมื่อเลือกใช้บูสเตอร์ในสูตร OEM
- ต้องคำนวณปริมาณอย่างเหมาะสม (มี Max Dose ตามข้อกำหนด)
- ต้องทดสอบความเข้ากันของสารทุกชนิดในสูตร
- ต้องผ่านการทดสอบความปลอดภัยก่อนออกวางจำหน่าย
- เลือกใช้บูสเตอร์ที่ได้รับการรับรองตามมาตรฐาน อย.
หากคุณกำลังวางแผนสร้างแบรนด์เซรั่มผมสูตรพิเศษ ดูบริการโรงงานผลิตเซรั่มผม OEM มาตรฐานได้ที่นี่
คำถามที่พบบ่อย
1. บูสเตอร์ในเซรั่มผมเหมาะกับกลุ่มลูกค้าประเภทไหน?
เหมาะกับลูกค้าที่มีปัญหาเส้นผมหรือหนังศีรษะเฉพาะทาง เช่น ผมร่วง ผมบาง รังแค หรือผมเสียจากการทำสี
2. การใส่บูสเตอร์ทำให้เซรั่มแพงขึ้นมากไหม?
ราคาต้นทุนเพิ่มขึ้นบ้างตามชนิดของบูสเตอร์ แต่ช่วยเพิ่มจุดขายและมูลค่าแบรนด์ได้ชัดเจน
3. จำเป็นไหมที่เซรั่มผมทุกสูตรต้องใส่บูสเตอร์?
ไม่จำเป็น แต่หากต้องการเน้นผลลัพธ์เฉพาะทางหรือทำตลาดกลุ่มพรีเมียม การใช้บูสเตอร์ถือว่าช่วยเสริมศักยภาพแบรนด์ได้ดี