เคล็ด (ไม่) ลับ วิธีทาครีมกันแดดที่ถูกต้อง เพื่อปกป้องผิวจากแสงแดด

วิธีทากันแดดที่ถูกต้อง

แสงแดดและรังสียูวี (UV) เป็นศัตรูตัวฉกาจของผิวสวย การปกป้องผิวด้วยครีมกันแดดจึงเป็นสิ่งที่ไม่ควรมองข้ามในชีวิตประจำวัน แต่การทาครีมกันแดดให้ได้ประสิทธิภาพสูงสุดนั้นจำเป็นต้องมีเทคนิคและความเข้าใจที่ถูกต้อง บทความนี้ WISE PLUS GROW จะมาเปิดเคล็ด (ไม่) ลับ เกี่ยวกับวิธีทาครีมกันแดดที่ถูกต้อง เพื่อให้ผิวของคุณได้รับการปกป้องอย่างเต็มที่ บอกลาปัญหาผิวคล้ำเสียและริ้วรอยก่อนวัยไปได้เลย

หัวข้อในบทความนี้

การทำงานของครีมกันแดด

การทำงานของครีมกันแดด

ครีมกันแดดทำงานโดยการสร้างเกราะป้องกันผิวจากรังสีอัลตราไวโอเลต (UV) ที่เป็นอันตรายจากแสงแดด ซึ่งประกอบด้วยรังสี UVA และ UVB โดยสารกันแดดในผลิตภัณฑ์จะทำหน้าที่ดูดซับ (Absorb) หรือสะท้อน (Reflect) รังสีเหล่านี้ออกไปจากผิวหนัง การเลือกครีมกันแดดที่เหมาะสมและทาครีมกันแดดตามวิธีทากันแดดที่ถูกต้องจะช่วยลดความเสี่ยงของผิวไหม้แดด ลดการเกิดฝ้า กระ จุดด่างดำ ริ้วรอยก่อนวัย และที่สำคัญคือลดความเสี่ยงในการเกิดมะเร็งผิวหนังได้อีกด้วย

ประเภทของครีมกันแดด

การเลือกครีมกันแดดให้เหมาะกับสภาพผิวและไลฟ์สไตล์เป็นจุดเริ่มต้นที่สำคัญของการปกป้องผิวอย่างมีประสิทธิภาพ ในท้องตลาดปัจจุบันมีครีมกันแดดหลากหลายประเภทให้เลือก แต่โดยหลัก ๆ แล้วจะแบ่งออกเป็น 2 ประเภทใหญ่ตามกลไกการทำงานของสารกันแดด ซึ่งแต่ละประเภทก็มีข้อดีและข้อเสียแตกต่างกันไป การทำความเข้าใจความแตกต่างนี้จะช่วยให้คุณเลือกผลิตภัณฑ์ที่ใช่ และนำไปสู่วิธีทาครีมกันแดดที่ถูกต้องยิ่งขึ้น

Mineral Sunscreens

Mineral Sunscreens หรือที่เรียกว่า Physical Sunscreens ทำงานโดยการสร้างชั้นฟิล์มบาง ๆ บนผิวหนัง เพื่อทำหน้าที่สะท้อนหรือหักเหรังสียูวีออกจากผิว คล้ายกับการที่เราสวมเสื้อผ้าปกป้องผิว ส่วนผสมหลักที่ใช้ในกันแดดประเภทนี้คือ ซิงค์ออกไซด์ (Zinc Oxide) และไทเทเนียมไดออกไซด์ (Titanium Dioxide) ซึ่งเป็นแร่ธาตุจากธรรมชาติ ปัจจุบันมีนวัตกรรมที่ทำให้เนื้อสัมผัสของ Mineral Sunscreens พัฒนาไปมาก ไม่ทิ้งคราบขาวเหมือนในอดีต

  • ข้อดี: อ่อนโยนต่อผิว มีโอกาสเกิดการระคายเคืองต่ำ จึงเหมาะสำหรับผู้ที่มีผิวแพ้ง่าย ผิวบอบบาง หรือผิวเด็ก นอกจากนี้ยังสามารถออกฤทธิ์ป้องกันแสงแดดได้ทันทีหลังทา ไม่จำเป็นต้องรอ และมีความเสถียรสูงเมื่อโดนแสงแดด
  • ข้อเสีย: เนื้อสัมผัสอาจมีความหนากว่า Chemical Sunscreens และบางสูตรอาจยังทิ้งคราบขาวไว้บนผิวได้บ้าง โดยเฉพาะในผู้ที่มีผิวเข้ม นอกจากนี้ หากทาในปริมาณที่ไม่เหมาะสมหรือไม่ถูกวิธีอาจทำให้การปกปิดไม่สม่ำเสมอ

Chemical Sunscreens

Chemical Sunscreens หรือ Organic Sunscreens ทำงานโดยการดูดซับรังสียูวีเอาไว้ แล้วเปลี่ยนเป็นพลังงานความร้อนที่ไม่เป็นอันตรายต่อผิวหนัง ก่อนจะปล่อยออกจากผิว สารกันแดดในกลุ่มนี้มีหลากหลายชนิด เช่น Oxybenzone, Avobenzone, Octinoxate, Octisalate และ Homosalate ซึ่งแต่ละตัวอาจมีความสามารถในการป้องกันรังสี UVA และ UVB ที่แตกต่างกันไป

  • ข้อดี: มักมีเนื้อสัมผัสที่บางเบา ซึมซาบเร็ว ไม่เหนียวเหนอะหนะ และไม่ทิ้งคราบขาว ทำให้ใช้ง่ายและเหมาะกับการใช้ในชีวิตประจำวัน สามารถผสมผสานสารกันแดดหลายชนิดเพื่อให้ครอบคลุมการป้องกันรังสียูวีได้กว้าง และมักจะมีความคงทนต่อน้ำและเหงื่อได้ดีกว่า
  • ข้อเสีย: อาจก่อให้เกิดการระคายเคืองในผู้ที่มีผิวแพ้ง่ายได้มากกว่า Mineral Sunscreens และต้องทาก่อนออกแดดประมาณ 15-20 นาทีเพื่อให้สารกันแดดเริ่มทำงาน นอกจากนี้ สารเคมีบางชนิดอาจมีผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมทางทะเล เช่น ปะการัง

วิธีการเลือกครีมกันแดดให้เหมาะสมต้องดูอะไรบ้าง

วิธีการเลือกครีมกันแดด

การเลือกครีมกันแดดที่ใช่ ไม่ได้จบแค่การดูค่า SPF สูง ๆ เท่านั้น แต่ยังมีปัจจัยอื่น ๆ อีกมากมายที่ควรพิจารณา เพื่อให้มั่นใจว่าครีมกันแดดที่คุณเลือกนั้นเหมาะสมกับสภาพผิว ไลฟ์สไตล์ และสามารถปกป้องผิวได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด การเรียนรู้ปัจจัยเหล่านี้จะช่วยให้คุณเข้าใจวิธีทาครีมกันแดดที่ถูกต้องและเห็นผลลัพธ์ที่ชัดเจน

สภาพผิว

การเลือกครีมกันแดดให้ตรงกับสภาพผิวเป็นสิ่งสำคัญมาก เพราะจะช่วยลดโอกาสการเกิดปัญหาผิวอื่น ๆ ตามมาได้:

  • ผิวมันหรือผิวเป็นสิวง่าย: ควรเลือกครีมกันแดดที่มีเนื้อบางเบา เช่น เนื้อเจล เนื้อน้ำนม หรือสูตร Oil-Free และ Non-Comedogenic เพื่อไม่ให้อุดตันรูขุมขนและทำให้เกิดสิวเพิ่มขึ้น
  • ผิวแห้ง: ควรเลือกครีมกันแดดที่มีส่วนผสมของสารให้ความชุ่มชื้น (Moisturizers) เช่น Hyaluronic Acid, Glycerin หรือ Ceramides เพื่อช่วยบำรุงผิวไม่ให้แห้งกร้านระหว่างวัน
  • ผิวผสม: อาจเลือกใช้ครีมกันแดดเนื้อบางเบา หรือเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่แตกต่างกันสำหรับบริเวณ T-zone ที่มีความมัน และ U-zone ที่ค่อนข้างแห้ง
  • ผิวแพ้ง่าย: ควรเลือกใช้ Mineral Sunscreens ที่มีส่วนผสมของ Zinc Oxide และ Titanium Dioxide เป็นหลัก และหลีกเลี่ยงครีมกันแดดที่มีส่วนผสมของน้ำหอม แอลกอฮอล์ พาราเบน หรือสารเคมีที่อาจก่อให้เกิดการระคายเคือง

ค่า SPF ที่เหมาะกับสีผิว

ค่า SPF (Sun Protection Factor) บ่งบอกถึงความสามารถของครีมกันแดดในการป้องกันรังสี UVB ซึ่งเป็นสาเหตุหลักของผิวไหม้แดด การเลือกค่า SPF ควรพิจารณาจากสีผิวและกิจกรรมที่ทำ:

  • ผู้ที่มีผิวขาวหรือขาวเหลือง: ผิวประเภทนี้มีความไวต่อแสงแดดสูง ควรเลือกใช้ครีมกันแดดที่มีค่า SPF 30-50+
  • ผู้ที่มีผิวสองสีหรือผิวสีแทน: ผิวประเภทนี้มีความทนทานต่อแสงแดดได้ดีกว่า แต่ก็ยังต้องการการปกป้อง ควรเลือกใช้ครีมกันแดดที่มีค่า SPF 15-30 เป็นอย่างน้อย
  • ผู้ที่มีผิวสีเข้ม: แม้จะมีเมลานินที่ช่วยป้องกันแสงแดดได้ในระดับหนึ่ง แต่ก็ยังควรใช้ครีมกันแดดที่มีค่า SPF 15 ขึ้นไป เพื่อป้องกันริ้วรอยและความเสียหายของผิวในระยะยาว อย่างไรก็ตาม โดยทั่วไปแนะนำให้ใช้ SPF 30 ขึ้นไปสำหรับทุกสีผิว เพื่อการปกป้องที่ครอบคลุม 

มีประสิทธิภาพในการป้องกันน้ำและเหงื่อ

สำหรับผู้ที่ต้องทำกิจกรรมกลางแจ้ง มีเหงื่อออกมาก หรือต้องว่ายน้ำ ควรเลือกครีมกันแดดที่มีคุณสมบัติ “Water-Resistant” (กันน้ำ) หรือ “Very Water-Resistant” (กันน้ำได้ดีมาก) ซึ่งจะระบุระยะเวลาที่ครีมกันแดดยังคงประสิทธิภาพอยู่ได้เมื่อสัมผัสกับน้ำหรือเหงื่อ เช่น 40 นาที หรือ 80 นาที แต่อย่างไรก็ตาม ควรทาซ้ำทุกครั้งหลังขึ้นจากน้ำหรือเช็ดตัว แม้จะใช้ผลิตภัณฑ์กันน้ำก็ตาม

มี Broad Spectrum

การเลือกครีมกันแดดที่มีคำว่า “Broad Spectrum” บนฉลากเป็นสิ่งสำคัญมาก เพราะหมายถึงผลิตภัณฑ์นั้นสามารถป้องกันได้ทั้งรังสี UVA และ UVB รังสี UVA เป็นสาเหตุหลักของริ้วรอยก่อนวัย ความเหี่ยวย่น และอาจทะลุผ่านกระจกได้ ในขณะที่รังสี UVB เป็นสาเหตุของผิวไหม้แดด การป้องกันที่ครอบคลุมจึงจำเป็นต่อสุขภาพผิวที่ดี

เลือกใช้ครีมกันแดดที่ปราศจากน้ำหอม แอลกอฮอล์ และพาราเบน

สำหรับผู้ที่มีผิวบอบบางแพ้ง่าย หรือไม่ต้องการให้ผิวสัมผัสกับสารเคมีที่ไม่จำเป็น การเลือกครีมกันแดดที่ปราศจากน้ำหอม แอลกอฮอล์ และพาราเบน (สารกันเสีย) จะช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดอาการแพ้ การระคายเคือง หรือการอุดตันของผิวได้ ควรตรวจสอบส่วนผสมบนฉลากผลิตภัณฑ์อย่างละเอียดก่อนตัดสินใจซื้อ เพื่อให้มั่นใจว่าเป็นวิธีทาครีมกันแดดที่ถูกต้องและปลอดภัยกับผิวคุณจริง ๆ

7 วิธีทาครีมกันแดดที่ถูกต้อง เพิ่มประสิทธิภาพการปกป้องผิวจากแสงแดด

วิธีทาครีมกันแดดที่ถูกต้อง

เมื่อเลือกครีมกันแดดที่ใช่ได้แล้ว ขั้นตอนต่อไปที่สำคัญไม่แพ้กันคือการทาครีมกันแดดให้ถูกวิธี เพื่อให้ผลิตภัณฑ์สามารถทำงานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพและปกป้องผิวของคุณจากแสงแดดได้อย่างแท้จริง ต่อไปนี้คือ 7 วิธีทาครีมกันแดดที่ถูกต้อง ที่จะช่วยให้ผิวคุณปลอดภัยจากรังสียูวีอย่างมั่นใจ

1. ทาครีมกันแดดก่อนออกแดดอย่างน้อย 15 นาที

โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากคุณใช้ Chemical Sunscreen ควรทาครีมกันแดดก่อนออกไปเผชิญแสงแดดอย่างน้อย 15-20 นาที เพื่อให้สารกันแดดมีเวลาในการซึมซาบเข้าสู่ผิวและเริ่มกระบวนการดูดซับรังสียูวี ส่วน Mineral Sunscreen แม้จะออกฤทธิ์ทันทีหลังทา แต่การทาล่วงหน้าก็ช่วยให้มั่นใจว่าครีมกันแดดเซ็ตตัวบนผิวได้ดี

2. อย่าลืมทาซ้ำทุก 2 ชั่วโมง

ประสิทธิภาพของครีมกันแดดจะลดลงเมื่อเวลาผ่านไป โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อคุณมีเหงื่อออกมาก ทำกิจกรรมกลางแจ้ง หรือหลังจากว่ายน้ำ ดังนั้นจึงควรทาครีมกันแดดซ้ำทุก ๆ 2 ชั่วโมง หรือบ่อยกว่านั้นหากจำเป็น นี่คือหนึ่งในวิธีทากันแดดที่ถูกต้องที่หลายคนมักมองข้าม แต่สำคัญอย่างยิ่งต่อการปกป้องผิวอย่างต่อเนื่อง

3. ทากันแดด 2 ข้อนิ้ว

วิธีทากันแดดที่ถูกต้อง

ปริมาณครีมกันแดดที่ใช้มีความสำคัญมาก หากทาน้อยเกินไป ประสิทธิภาพในการป้องกันแสงแดดก็จะลดลงตามไปด้วย ปริมาณที่แนะนำสำหรับผิวหน้าและลำคอคือประมาณ 2 มิลลิกรัมต่อตารางเซนติเมตร หรือเทียบเท่ากับ “กฎ 2 ข้อนิ้ว” คือบีบครีมกันแดดตามความยาวของนิ้วชี้และนิ้วกลาง 

4. แต้มครีมกันแดด 5 จุด แล้วเกลี่ยไปทางเดียวกัน

เพื่อให้ครีมกันแดดกระจายตัวอย่างสม่ำเสมอทั่วใบหน้า แนะนำให้แต้มครีมกันแดด 5 จุด คือ หน้าผาก แก้มทั้งสองข้าง จมูก และคาง จากนั้นค่อย ๆ เกลี่ยครีมกันแดดให้ทั่วใบหน้าและลำคอ โดยพยายามเกลี่ยไปในทิศทางเดียวกัน เพื่อลดการอุดตันและให้การปกปิดที่เรียบเนียน 

5. เตรียมผิวให้พร้อมก่อนลงกันแดด และแต่งหน้า

ลำดับการทาสกินแคร์ก็สำคัญ ควรทำความสะอาดผิวหน้าและลงผลิตภัณฑ์บำรุงผิว (เช่น มอยส์เจอไรเซอร์) ให้เรียบร้อยก่อน จากนั้นจึงทาครีมกันแดดเป็นขั้นตอนสุดท้ายของการบำรุงผิว ก่อนที่จะเริ่มแต่งหน้า รอให้ครีมกันแดดเซ็ตตัวสักครู่แล้วจึงลงเครื่องสำอาง เพื่อไม่ให้ประสิทธิภาพของกันแดดลดลง

6. ห้ามนำครีมกันแดดทาผิวกาย มาใช้ทาผิวหน้า

ครีมกันแดดสำหรับผิวกายและผิวหน้ามักมีสูตรและส่วนผสมที่แตกต่างกัน ครีมกันแดดทาผิวกายอาจมีเนื้อสัมผัสที่หนักกว่า มีส่วนผสมของน้ำมัน หรือสารที่อาจก่อให้เกิดการอุดตันหรือระคายเคืองต่อผิวหน้าที่บอบบางกว่าได้ ดังนั้นควรเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ให้ถูกประเภทเพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาผิวที่อาจตามมา การเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่ถูกต้องคือส่วนหนึ่งของวิธีทาครีมกันแดดที่ถูกต้อง

7. แม้อยู่บ้านก็อย่าลืมทาครีมกันแดด

หลายคนอาจคิดว่าเมื่ออยู่ในบ้านหรือในที่ร่มไม่จำเป็นต้องทาครีมกันแดด แต่ความจริงแล้วรังสี UVA สามารถทะลุผ่านกระจกหน้าต่างเข้ามาทำร้ายผิวได้ นอกจากนี้ แสงสีฟ้า (Blue Light) จากหน้าจอคอมพิวเตอร์หรือสมาร์ทโฟนก็อาจส่งผลกระทบต่อผิวในระยะยาวได้เช่นกัน ดังนั้น การทาครีมกันแดดแม้ในวันที่ไม่ได้ออกไปไหนจึงเป็นสิ่งที่ไม่ควรมองข้าม

สรุปบทความ

การปกป้องผิวจากแสงแดดด้วยครีมกันแดดเป็นขั้นตอนสำคัญที่ไม่ควรมองข้ามในชีวิตประจำวัน การเลือกครีมกันแดดที่เหมาะสมกับสภาพผิวและความต้องการ ควบคู่ไปกับการเรียนรู้และปฏิบัติตามวิธีทาครีมกันแดดที่ถูกต้อง รวมถึงปริมาณที่เหมาะสม ความถี่ในการทาซ้ำ และการใส่ใจในรายละเอียดเล็ก ๆ น้อย ๆ จะช่วยให้ครีมกันแดดสามารถทำงานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ ปกป้องผิวคุณจากอันตรายของรังสียูวีได้อย่างแท้จริง อย่าลืมว่าวิธีทากันแดดที่ถูกต้องไม่ใช่เรื่องยาก แต่เป็นสิ่งจำเป็นเพื่อผิวสุขภาพดีในระยะยาว

เกี่ยวกับผู้เขียน

Scroll to Top
ไอคอน PDPA

เว็บไซต์นี้ใช้คุกกี้เพื่อปรับปรุงประสบการณ์การใช้งาน กรุณาดูข้อมูลเพิ่มเติมที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และตั้งค่าคุกกี้ได้ที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    เปิดใช้งานตลอด

    คุกกี้ที่จำเป็นคือสิ่งที่สำคัญสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ ทำให้คุณสามารถใช้งานและเรียกดูเว็บไซต์ได้ตามปกติ คุณไม่สามารถปิดการใช้งานคุกกี้เหล่านี้ในระบบของเว็บไซต์ของเราได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้วิเคราะห์เพื่อปรับปรุงประสบการณ์การใช้งาน

    คุกกี้เหล่านี้ใช้เพื่อรวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับการใช้งานเว็บไซต์ เช่น จำนวนผู้เข้าชม, หน้าเว็บที่ได้รับความนิยม และพฤติกรรมการท่องเว็บ ซึ่งช่วยให้เจ้าของเว็บไซต์ปรับปรุงประสบการณ์การใช้งานของผู้ใช้ได้
    รายละเอียดคุกกี้

บันทึกการตั้งค่า