สารสกัดแพลงก์ตอนทะเล (Marine Plankton) ครอบคลุมวัตถุดิบจากจุลินทรีย์และสาหร่ายจิ๋วในท้องทะเล เช่น Plankton Extract, Alteromonas/Pseudoalteromonas Ferment Extract, และ Thermus Thermophillus Ferment ที่อุดมด้วยกรดอะมิโน โพลีแซ็กคาไรด์ เอนไซม์ และสารต้านอนุมูลอิสระ ช่วยอุ้มน้ำ ปลอบประโลม ต้านมลภาวะ และเสริมการฟื้นตัวของผิว เหมาะกับ เซรั่ม, ครีม และอายครีม สนใจวัตถุดิบอื่นๆ ดูที่ สารสกัดสกินแคร์
- ข้อมูลสรุปสำคัญของ Marine Plankton
- Marine Plankton คืออะไร และมาจากไหน
- ส่วนประกอบสำคัญและกลไกการทำงาน
- ประโยชน์ของ Marine Plankton
- กรณีศึกษาและการใช้งานจริงของ Marine Plankton
- ดีต่อเส้นผมและส่วนอื่นของร่างกาย
- ใช้ในสกินแคร์อะไรได้บ้าง
- ข้อดีและข้อควรระวัง
- งานวิจัยและการรองรับมาตรฐาน
- แหล่งอ้างอิงทางวิทยาศาสตร์
- สรุป
- คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับ Marine Plankton
ข้อมูลสรุปสำคัญของ Marine Plankton
- ชื่อสารสกัดและ INCI: Plankton Extract, Alteromonas Ferment Extract, Pseudoalteromonas Ferment Extract, Thermus Thermophillus Ferment
- แหล่งที่มาและวิธีสกัด: เพาะเลี้ยงจุลินทรีย์ทะเล/สาหร่ายจิ๋วในสภาวะควบคุม แล้วทำให้เข้มข้น/เฟอร์เมนต์/กรองโมเลกุลเพื่อคงสารออกฤทธิ์
- กลไกและสารสำคัญ: โพลีแซ็กคาไรด์ (EPS), กรดอะมิโน, เอนไซม์ต้านออกซิเดชัน, mycosporine‑like amino acids (MAAs) สนับสนุนการอุ้มน้ำ ต้านอนุมูลอิสระ และแอนติ‑โพลูชัน
- คุณสมบัติเด่น: เติมความชุ่มชื้นทันที‑ยาวนาน ปลอบประโลม ลดรอยแดง เสริมเกราะผิว ป้องกัน PM/มลภาวะ และช่วยให้ผิวดูอิ่มฟู
- เหมาะกับผลิตภัณฑ์: เซรั่ม, ครีม, สครับ, อายครีม, เอสเซนส์มิสต์
- มาตรฐานและการรับรอง: พัฒนาสูตรได้ตามแนวทางธรรมชาติ COSMOS/ECOCERT (ขึ้นกับซัพพลายเออร์และเอกสารรับรอง)
Marine Plankton คืออะไร และมาจากไหน
แพลงก์ตอนทะเลคือสิ่งมีชีวิตขนาดจิ๋วทั้งแพลงก์ตอนพืช/สัตว์และจุลินทรีย์ทะเล ซึ่งอุดมด้วยสารชีวโมเลกุลที่ปกป้องตนเองจาก UV ความเครียดอุณหภูมิ และเกลือสูง ในอุตสาหกรรมเครื่องสำอาง จุลินทรีย์เหล่านี้ถูกเพาะเลี้ยงในไบโอรีแอคเตอร์ให้ได้ส่วนประกอบที่มีประสิทธิภาพและเสถียร เช่น EPS จาก Alteromonas หรือเอนไซม์ทนความร้อนจาก Thermus thermophillus เพื่อนำไปใช้ในสูตรเพิ่มชุ่มชื้น ต้านอนุมูลอิสระ และแอนติ‑โพลูชัน
ส่วนประกอบสำคัญและกลไกการทำงาน
EPS จากจุลินทรีย์ทะเลช่วยสร้างฟิล์มบางกักเก็บน้ำ ลดการสูญเสียน้ำทางผิว (TEWL) และดักจับอนุภาคมลพิษ ขณะที่ MAAs มีคุณสมบัติต้านอนุมูลอิสระและดูดซับ UV บางช่วง ช่วยปกป้องผิวหน้าจากสเตรสสิ่งแวดล้อมและลดริ้วรอยที่เกี่ยวข้องกับออกซิเดทีฟสเตรส นอกจากนี้เอนไซม์/เปปไทด์จากการเฟอร์เมนต์ยังสนับสนุนการฟื้นตัวของสกินบาเรียร์
ประโยชน์ของ Marine Plankton
ตอบโจทย์ “วิธีเลือกเซรั่มที่มีส่วนผสมจาก Marine Plankton” สำหรับผิวเมืองที่โดนมลภาวะและแสง ทําให้ผิวชุ่มน้ำ อิ่มฟู และปลอบประโลมอย่างอ่อนโยน
1. เติมชุ่มชื้นล้ำลึก อุ้มน้ำนาน
โพลีแซ็กคาไรด์ (EPS) และกรดอะมิโนช่วยกักเก็บน้ำและลด TEWL ผิวดูอิ่มฟูยาวนาน เหมาะกับเซรั่ม/ครีมเดย์‑ไนต์ โดยเฉพาะผิวแห้งแพ้ง่าย
2. ปลอบประโลม ลดรอยแดง
โมเลกุลต้านการอักเสบ/ต้านออกซิเดชัน จากแพลงก์ตอนช่วยลดความไวต่อสิ่งกระตุ้น ทำให้ผิวดูสมดุล แนบเนียนขึ้นเมื่อใช้ต่อเนื่อง
3. แอนติ‑โพลูชัน ปกป้องผิวเมือง
ชั้นฟิล์ม EPS ช่วยลดการยึดเกาะของอนุภาค PM และโลหะหนัก พร้อมต้านอนุมูลอิสระจากควัน/UV จึงเหมาะกับสูตรเดย์ครีมและเอสเซนส์มิสต์
4. ผิวเรียบแน่น ลดไมโครริ้ว
การกักเก็บความชุ่มชื้นและรีโมเดลพื้นผิว ทำให้ไมโครริ้วดูตื้น ผิวเงาโกลว์แต่งง่าย เหมาะกับไพรเมอร์บำรุง
5. รองรับผิวอ่อนแอ หลังทรีตเมนต์
สารหมักจากจุลินทรีย์ทะเล สนับสนุนการฟื้นตัวของเกราะผิว เหมาะใช้หลังคลีนิกทรีตเมนต์ (ตามคำแนะนำผู้เชี่ยวชาญ)
กรณีศึกษาและการใช้งานจริงของ Marine Plankton
สูตรเชิงพาณิชย์นิยมผสม Plankton/Alteromonas Ferment 1–5% ในเซรั่มและอายครีมเพื่อเพิ่มชุ่มชื้น‑ปลอบประโลม และเสริมแอนติ‑โพลูชัน ส่วน Thermus Thermophillus Ferment มักใช้ในเดย์ครีม/กันแดดเพื่อสนับสนุนการปกป้องแสง‑ความร้อน
ดีต่อเส้นผมและส่วนอื่นของร่างกาย
ในแฮร์แคร์ EPS ช่วยเคลือบเส้นผมให้ดูเงาและลดชี้ฟู ส่วนบอดี้แคร์ช่วยให้ผิวกายชุ่มน้ำและลดความแห้งลอก โดยเฉพาะผิวที่สัมผัสแดด/ลมบ่อย
ใช้ในสกินแคร์อะไรได้บ้าง
ตัวอย่าง: เซรั่ม, ครีม, สครับ, อายครีม, เอสเซนส์มิสต์, กันแดดเดย์แคร์
ข้อดีและข้อควรระวัง
ข้อดี
- เพิ่มชุ่มชื้นและปลอบผิว เหมาะกับผิวแพ้ง่าย
- ช่วยปกป้องมลภาวะ‑UV บางช่วงด้วย MAAs/แอนติออกซิแดนต์
- ปรับใช้ได้กับสูตรแนวธรรมชาติและเฟอร์เมนต์
ข้อควรระวัง
- ประสิทธิภาพขึ้นกับชนิด/เกรดวัตถุดิบ ความเข้มข้น และระบบพา
- ควรแพตช์เทสต์ก่อนใช้จริง โดยเฉพาะผิวไว
- การอ้างอิงการป้องกันแสงเป็นผลเชิงเครื่องสำอาง ควรใช้กันแดดอย่างถูกต้องร่วมด้วย
งานวิจัยและการรองรับมาตรฐาน
บทความวิชาการชี้ว่า EPS จากจุลินทรีย์ทะเลมีศักยภาพด้านให้ความชุ่มชื้นและแอนติ‑โพลูชัน ขณะที่ MAAs มีคุณสมบัติดูดซับรังสีและต้านอนุมูลอิสระ รายการ INCI ของ Plankton/Alteromonas/Pseudoalteromonas/Thermus มีเผยแพร่ในฐานข้อมูลวัตถุดิบอุตสาหกรรม ทั้งนี้สามารถพัฒนาสูตรให้สอดคล้องแนวทาง ECOCERT/COSMOS เมื่อแหล่งที่มาและกระบวนการรองรับ
แหล่งอ้างอิงทางวิทยาศาสตร์
- Mycosporine‑like amino acids: UV‑protective/antioxidant roles – PubMed
- Marine microbial exopolysaccharides for cosmetic use – PubMed
- Plankton Extract – SpecialChem (INCI)
- Alteromonas Ferment Extract – SpecialChem
- Thermus Thermophillus Ferment – SpecialChem
- ECOCERT / COSMOS Certification Standards
สรุป
อยากสร้างแบรนด์สกินแคร์แนวแอนติ‑โพลูชันด้วย Marine Plankton? เราพร้อมให้คำปรึกษาและรับผลิต OEM ตั้งแต่คอนเซ็ปต์ ฟอร์มูลาถึงบรรจุภัณฑ์ เริ่มต้นอย่างมั่นใจได้ที่
ดูรายละเอียดบริการผลิตสกินแคร์
คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับ Marine Plankton
Marine Plankton ปลอดภัยไหม?
โดยทั่วไปปลอดภัยเมื่อใช้ตามเกรดเครื่องสำอางและผ่านการทดสอบระคายเคืองจากผู้ผลิต
ควรใช้กี่เปอร์เซ็นต์?
ขึ้นกับชนิดและเอกสารซัพพลายเออร์ พบช่วงการใช้ประมาณ 1–5% ในเซรั่ม/ครีม
เหมาะกับผิวแพ้ง่ายหรือไม่?
เหมาะเพราะช่วยปลอบประโลมและเติมน้ำ แต่ควรแพตช์เทสต์ก่อนใช้จริง
ใช้ร่วมกับสารอะไรได้ดี?
เข้ากันได้กับไฮยาลูรอนิก เพปไทด์ ไนอะซินาไมด์ วิตามินอี และสารกันแดด เพื่อเสริมชุ่มชื้น‑ปกป้องผิว
ต่างจากสาหร่ายทั่วไปอย่างไร?
สารสกัดแพลงก์ตอนเน้น EPS/เฟอร์เมนต์และ MAAs ที่เด่นด้านชุ่มชื้น‑แอนติ‑โพลูชัน ส่วนสาหร่ายทั่วไปเด่นที่แร่ธาตุ/โพลีแซ็กคาไรด์พื้นฐาน