มาตรฐานด้านความปลอดภัยของน้ำหอมกำลังมีบทบาทสำคัญมากขึ้นในเอเชีย โดยเฉพาะการตรวจสอบสารก่อแพ้หรือ Allergen ซึ่งเป็นข้อกำหนดที่ทั้งสหภาพยุโรปและอาเซียนให้ความสำคัญ เนื่องจากผู้บริโภคปัจจุบันหันมาใส่ใจปัญหาผิวแพ้ง่าย กลิ่นที่ไม่เสถียร และความเสี่ยงจากการใช้ผลิตภัณฑ์ที่ไม่มีข้อมูลส่วนผสมอย่างชัดเจน การพัฒนาน้ำหอมในเชิงอุตสาหกรรมจึงจำเป็นต้องเข้าใจกรอบกฎหมายเหล่านี้เพื่อหลีกเลี่ยงความเสี่ยงทางการตลาด และสร้างความเชื่อมั่นให้ผู้ซื้อ โดยเฉพาะแบรนด์ไทยที่ต้องการพัฒนาไลน์สินค้าใหม่ผ่านช่องทาง โรงงานน้ำหอม ที่ได้มาตรฐานในระดับสากล ความรู้เรื่อง Allergen ยังส่งผลต่อการทำฉลาก INCI การออกแบบสูตร และเอกสาร Product Information File ซึ่งเป็นองค์ประกอบพื้นฐานที่จำเป็นต่อการวางขายสินค้าในตลาดสมัยใหม่ทั้งออฟไลน์และออนไลน์
- Allergen ในน้ำหอมคืออะไร?
- รายชื่อ Allergen ที่ EU บังคับให้ต้องแสดงบนฉลาก
- ข้อกำหนด Allergen ของ ASEAN Cosmetic Directive
- ประเภทของน้ำหอมที่ต้องระวัง Allergen เป็นพิเศษ
- ทำไมแบรนด์ต้องเข้าใจสารก่อแพ้?
- การเชื่อมโยงกับการออกแบบสูตรน้ำหอมที่ปลอดภัย
- สัญญาณเตือนว่าผลิตภัณฑ์อาจมี Allergen สูง
- วิธีทดสอบ Allergen ก่อนใช้จริง
- แนวโน้มกฎหมาย Allergen ปี 2025–2026
- สรุป
- คำถามพบบ่อย
Allergen ในน้ำหอมคืออะไร?

Allergen คือสารหอมที่มีโอกาสทำให้เกิดอาการแพ้ ระคายเคือง หรือผื่นผิวหนัง โดยส่วนใหญ่เกิดจากกลุ่ม Fragrance Allergen ที่ถูกกำหนดโดยหน่วยงานกำกับ เช่น EU SCCS และ ASEAN Cosmetic Directive
ลักษณะของสารก่อแพ้ที่พบบ่อย
- มีแนวโน้มระเหยสูง ทำให้สัมผัสผิวได้ง่าย
- เกิดจากโมเลกุลที่มาจากน้ำมันหอมระเหยธรรมชาติ
- พบมากในกลิ่น Citrus และ Floral
- มักเป็นส่วนผสมที่ให้โทนหรือบุคลิกเฉพาะของกลิ่น
รายชื่อ Allergen ที่ EU บังคับให้ต้องแสดงบนฉลาก
กฎหมายสหภาพยุโรป (EC 1223/2009) ระบุ Allergen ที่ต้องประกาศบนฉลากทั้งหมด 26 รายการ โดยต้องประกาศหากพบมากกว่าเกณฑ์ตามประเภทผลิตภัณฑ์
| ชื่อสาร | แหล่งที่พบ |
|---|---|
| Limonene | Citrus essential oils |
| Linalool | Lavender, Bergamot |
| Cinnamal | Cinnamon |
| Citral | Lemongrass, Lemon |
| Coumarin | Tonka bean |
| Eugenol | Clove oil |
| Geraniol | Rose oil |
| Farnesol | Jasmine |
| Benzyl alcohol | Various floral notes |
EU กำหนดให้ต้องระบุชื่อสารชัดเจนในฉลาก INCI หากพบเกินระดับที่กำหนด เช่น มากกว่า 0.001% ใน Leave-on หรือ 0.01% ใน Rinse-off
ข้อกำหนด Allergen ของ ASEAN Cosmetic Directive
อาเซียนใช้ระบบที่ใกล้เคียง EU แต่มีการกำกับในรูปแบบ Harmonized Standards เพื่อควบคุมความปลอดภัยของผลิตภัณฑ์ระหว่างประเทศสมาชิก การประกาศ Allergen ในอาเซียนจึงอิงโครงสร้าง EU เป็นหลัก
สิ่งที่แบรนด์ต้องปฏิบัติตาม
- แสดงฉลากส่วนผสมตามลำดับความเข้มข้น
- ประกาศ Allergen หากถึงระดับที่กำหนด
- จัดทำ Safety Assessment ก่อนวางขาย
- เก็บข้อมูลสูตรและผลทดสอบใน PIF
โรงงานที่อยู่ในกลุ่ม รับผลิตน้ำหอม มักต้องมีระบบติดตาม Batch และ COA เพื่อยืนยันคุณภาพส่วนผสมก่อนผลิตจริง
ประเภทของน้ำหอมที่ต้องระวัง Allergen เป็นพิเศษ

ผลิตภัณฑ์บางประเภทมีโอกาสสัมผัสผิวโดยตรงและนาน ทำให้ต้องระวังความเข้มข้นของ Allergen มากเป็นพิเศษ
ประเภทที่ต้องควบคุมเข้มงวด
- EDP และ Parfum ระดับความเข้มสูง
- Body Lotion ที่ผสมน้ำหอมเข้มข้น
- Hair Perfume ที่มีโอกาสระเหยสูง
- Room & Linen Spray ที่ใช้ในปริมาณมาก
ทำไมแบรนด์ต้องเข้าใจสารก่อแพ้?
นอกจากด้านกฎหมาย การเข้าใจ Allergen ยังช่วยลดเคสผิวแพ้ เพิ่มความโปร่งใสของแบรนด์ และสร้างความเชื่อมั่นในตลาดออนไลน์ได้มากขึ้น
ประโยชน์ที่เกิดขึ้นจริง
- ลดรีวิวลบจากปัญหาผิวแพ้
- สร้างความน่าเชื่อถือในกลุ่มผู้ใช้ผิวบอบบาง
- ทำสูตรให้ผ่านข้อกำหนดส่งออกได้ง่าย
- ช่วยให้แบรนด์ทดสอบกลิ่นได้มีมาตรฐาน
การเชื่อมโยงกับการออกแบบสูตรน้ำหอมที่ปลอดภัย

ขั้นตอนการพัฒนาสูตรต้องคำนึงถึงความสมดุลระหว่างความสวยงามของกลิ่นและระดับความปลอดภัย ข้อมูลนี้เกี่ยวข้องโดยตรงกับหัวข้ออย่าง การพักบ่มกลิ่นด้วยเทคนิคมักเซอเรชัน และ การเลือก Fixative ให้สูตรติดทนนาน ซึ่งเป็นองค์ประกอบสำคัญของสูตรที่ต้องผ่านการประเมินทุกครั้งก่อนผลิตจริง
สัญญาณเตือนว่าผลิตภัณฑ์อาจมี Allergen สูง
ผู้ใช้จำนวนมากไม่รู้ตัวว่าปัญหาผิวที่เกิดขึ้นมาจากสารก่อแพ้ในน้ำหอม การรู้สัญญาณเบื้องต้นช่วยลดความเสี่ยงได้อย่างมาก
อาการที่พบได้บ่อย
- ผิวแดงเป็นปื้น
- มีผื่นคันหลังใช้ 24–48 ชั่วโมง
- ผิวแห้งลอกบริเวณที่ฉีดซ้ำ
- รู้สึกแสบยิบเวลาถูกเหงื่อ
วิธีทดสอบ Allergen ก่อนใช้จริง
ผู้เชี่ยวชาญผิวหนังแนะนำให้ทดสอบกลิ่นก่อนใช้จริง โดยเฉพาะผู้ที่มีประวัติแพ้ง่าย
ขั้นตอนทดสอบ Patch Test
- ทาบริเวณท้องแขนด้านใน
- สังเกตอาการหลังผ่านไป 24 ชั่วโมง
- หลีกเลี่ยงการใช้ร่วมกับผลิตภัณฑ์ผลัดเซลล์ผิว
- หากมีอาการให้หยุดใช้ทันที
แนวโน้มกฎหมาย Allergen ปี 2025–2026
EU เตรียมเพิ่มรายชื่อ Allergen จาก 26 รายการเป็นมากกว่า 80 รายการ ซึ่งจะกระทบต่อผู้ผลิตน้ำหอมทั่วโลก รวมถึงแบรนด์ไทยที่ต้องการส่งออก การอัปเดตข้อมูลเหล่านี้จำเป็นสำหรับผู้ที่วางแผนผลิตสินค้ากับโรงงานระดับสากล
สรุป
การตรวจสอบ Allergen ในน้ำหอมคือหัวใจสำคัญของการสร้างผลิตภัณฑ์ที่ปลอดภัย โปร่งใส และตอบโจทย์ผู้บริโภคยุคใหม่โดยเฉพาะผู้ที่มีผิวแพ้ง่าย การเข้าใจกฎหมาย EU และ ASEAN ช่วยให้แบรนด์พัฒนาสูตรได้สอดคล้องกับมาตรฐานสากล ลดความเสี่ยง และยกระดับความเชื่อมั่นของผู้บริโภค รวมถึงเปิดโอกาสใหม่ในการขยายตลาดต่างประเทศอย่างมีประสิทธิภาพ
คำถามพบบ่อย
ทำไมต้องประกาศ Allergen บนฉลาก?
เพื่อความปลอดภัยของผู้บริโภค โดยเฉพาะผู้ที่มีผิวแพ้ง่าย จำเป็นต้องรู้ว่าส่วนผสมใดอาจทำให้เกิดอาการแพ้
สารก่อแพ้พบในน้ำหอมธรรมชาติได้ไหม?
พบได้ เช่น Limonene และ Linalool ซึ่งมักอยู่ในน้ำมันหอมระเหยจากพืช
Allergen ระคายเคืองเฉพาะผิวหรือไม่?
ส่วนใหญ่ระคายเคืองเฉพาะผิว แต่บางรายอาจมีอาการลามหรือเกิดความไวต่อแสงร่วมด้วย
ต้องตรวจสอบ Allergen ก่อนส่งออกหรือไม่?
จำเป็นอย่างยิ่งเพื่อให้ผ่านกฎหมายของประเทศปลายทาง โดยเฉพาะสหภาพยุโรป
ทำอย่างไรหากแพ้น้ำหอม?
หยุดใช้ทันที ล้างบริเวณนั้น และพบแพทย์หากอาการไม่ดีขึ้นภายใน 24 ชั่วโมง
Wise Plus Grow เข้าใจทุกความต้องการของเจ้าของแบรนด์
Wise Plus Grow คือ โรงงานผลิตครีม โรงงานเครื่องสำอาง และโรงงานสกินแคร์ ที่ได้รับมาตรฐานสากล ASEAN GMP และ ISO 22716 ให้บริการรับผลิตแบบ OEM ODM OBM ที่ครบวงจร ตั้งแต่พัฒนาสูตร ผลิต ออกแบบบรรจุภัณฑ์ ไปจนถึงการตลาด ทีม R&D ของเราพร้อมช่วยออกแบบสูตรให้เหมาะกับกลุ่มเป้าหมายของคุณ เพื่อให้แบรนด์ของคุณแตกต่างด้วยคุณภาพ ความปลอดภัย และความน่าเชื่อถือในตลาดจริง
- มาตรฐานการผลิตระดับสากล ASEAN GMP & ISO 22716
- ทีม R&D วิจัยและพัฒนาสูตรเฉพาะแบรนด์
- บริการครบวงจร OEM ODM OBM จบในที่เดียว
- มีประสบการณ์ความเชี่ยวชาญด้านการผลิตและส่งออกผลิตภัณฑ์สกินแคร์ทั่วอาเซียน
ติดต่อสอบถามเพิ่มเติม
สำนักงานใหญ่: บริษัท ไวส์พลัสโกร จำกัด (Wise Plus Grow Co., Ltd.)
ที่อยู่: เลขที่ 323 หมู่ 19 ตำบลไร่น้อย อำเภอเมืองอุบลราชธานี จังหวัดอุบลราชธานี 34000
โทรศัพท์: 063-554-2465
LINE: @wiseplusgrow
Email: wiseplusgrow324@gmail.com
เวลาทำการ: 09:00 น. – 17:00 น.
วันทำการ: จันทร์ – อาทิตย์
สอบถามออนไลน์: เปิดตลอด 24 ชั่วโมง



