จมูกเล็บฉีกสาเหตุจากอะไร รักษาได้ไม่ให้กลับมาเป็นซ้ำ

จมูกเล็บฉีก

จมูกเล็บที่ฉีกเป็นปัญหาที่กวนใจใครหลายคน ทำให้เกิดอาการเจ็บ และอาจลุกลามจนกลายเป็นแผลติดเชื้อได้ การทำความเข้าใจสาเหตุและการรู้วิธีรักษาอย่างถูกต้อง จะช่วยให้คุณรับมือกับปัญหานี้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ และป้องกันไม่ให้จมูกเล็บฉีกกลับมาเป็นซ้ำอีก

จมูกเล็บฉีกเกิดจากอะไร?

จมูกเล็บ คือส่วนของผิวหนังที่อยู่บริเวณโคนเล็บ มีหน้าที่ปกป้องและช่วยให้เล็บงอกใหม่ หากจมูกเล็บฉีกขาด ก็อาจทำให้เกิดอาการเจ็บปวด และเสี่ยงต่อการติดเชื้อแบคทีเรีย หรือเชื้อรา

สาเหตุหลักๆ ที่ทำให้จมูกเล็บฉีก

  • ผิวแห้ง ผิวที่แห้งจะขาดความชุ่มชื้น ทำให้เปราะบางและฉีกขาดได้ง่าย
  • การตัดเล็บที่ไม่ถูกวิธี การตัดเล็บสั้นเกินไป หรือตัดเล็บไม่ตรงแนว อาจทำให้จมูกเล็บถูกรั้งและฉีกขาดได้
  • การสัมผัสสารเคมี การสัมผัสกับสารเคมีบางชนิด เช่น น้ำยาล้างจาน น้ำยาทำความสะอาด หรือน้ำยาล้างเล็บ อาจทำให้ผิวแห้งและระคายเคือง จนนำไปสู่การฉีกขาดของจมูกเล็บ
  • การทำเล็บบ่อยๆ การทำเล็บเป็นประจำ เช่น การทาสีเจล การต่อเล็บ หรือการตัดหนัง อาจทำให้จมูกเล็บอ่อนแอและฉีกขาดได้ง่าย
  • พฤติกรรมส่วนตัว การกัดเล็บ หรือดึงหนังบริเวณจมูกเล็บ อาจทำให้เกิดการฉีกขาดและอักเสบได้
  • การขาดสารอาหาร การขาดวิตามินและแร่ธาตุบางชนิด เช่น วิตามินเอ วิตามินบี หรือสังกะสี อาจทำให้ผิวและเล็บอ่อนแอลง
  • การได้รับบาดเจ็บ การกระแทก หรือการถูกของมีคมบาดบริเวณจมูกเล็บ อาจทำให้เกิดการฉีกขาดได้

วิธีรักษาจมูกเล็บฉีก

เมื่อจมูกเล็บฉีก สิ่งสำคัญคือการดูแลรักษาอย่างถูกวิธี เพื่อป้องกันการติดเชื้อ และส่งเสริมการสมานแผล โดยมีขั้นตอนดังนี้

  • ทำความสะอาด ล้างมือและบริเวณที่จมูกเล็บฉีกด้วยน้ำสบู่อ่อน ๆ และเช็ดให้แห้ง
  • ตัดส่วนที่ฉีกขาด ใช้กรรไกรตัดเล็บที่สะอาด ตัดส่วนของจมูกเล็บที่ฉีกขาดออกเบา ๆฆ่าเชื้อ: ทาบริเวณที่ฉีกขาดด้วยยาฆ่าเชื้อ เช่น เบตาดีน หรือ
  • แอลกอฮอล์
  • ปิดแผล ปิดแผลด้วยผ้าพันแผล หรือพลาสเตอร์ปิดแผล เพื่อป้องกันการสัมผัสกับสิ่งสกปรก และลดความเสี่ยงในการติดเชื้อ
  • หลีกเลี่ยงการสัมผัสน้ำ พยายามหลีกเลี่ยงการสัมผัสน้ำโดยตรง โดยเฉพาะในช่วง 2-3 วันแรกหลังการฉีกขาด
  • บำรุงผิว เมื่อแผลเริ่มสมานตัว ให้ทาครีมบำรุงผิวบริเวณจมูกเล็บ เพื่อเพิ่มความชุ่มชื้นและป้องกันการฉีกขาดซ้ำ
วิธีป้องกันจมูกเล็บฉีก
  • ดูแลผิวให้ชุ่มชื้น ทาครีมทามือและเล็บเป็นประจำ โดยเฉพาะหลังล้างมือ
  • ตัดเล็บให้ถูกวิธี ตัดเล็บให้ตรงแนว ไม่สั้นจนเกินไป และหลีกเลี่ยงการตัดหนังบริเวณจมูกเล็บ
  • หลีกเลี่ยงการสัมผัสสารเคมี สวมถุงมือเมื่อต้องสัมผัสกับสารเคมี เช่น น้ำยาล้างจาน หรือน้ำยาทำความสะอาด
  • จำกัดการทำเล็บ ลดความถี่ในการทำเล็บ และเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่อ่อนโยนต่อผิวและเล็บ
  • หลีกเลี่ยงพฤติกรรมทำร้ายเล็บ ไม่กัดเล็บ หรือดึงหนังบริเวณจมูกเล็บ
  • รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ รับประทานอาหารที่มีวิตามินและแร่ธาตุครบถ้วน โดยเฉพาะโปรตีน วิตามินเอ วิตามินบี และสังกะสี
  • ดื่มน้ำให้เพียงพอ ดื่มน้ำอย่างน้อย 8 แก้วต่อวัน เพื่อให้ผิวและเล็บมีความชุ่มชื้น
Scroll to Top