ปรากฏการณ์ “เจนนี่ ได้หมดถ้าสดชื่น” หรือ เจนนี่ รัชนก สุวรรณเกตุ กลายเป็นหนึ่งในเหตุการณ์ทางการตลาดที่ถูกพูดถึงมากที่สุดในปี 2025 หลังจากเธอเปิดไลฟ์ขายของต่อเนื่องหลายวัน และสร้างยอดขายรวมทะลุ 200–400 ล้านบาท ภายในเวลาไม่ถึงสัปดาห์ (อ้างอิง ไทยรัฐ , Sanook ) ในขณะที่หลายแบรนด์กำลังพยายามเจาะตลาดผ่าน TikTok Shop หรือ Facebook Live แต่ “เจนนี่” กลับใช้แพลตฟอร์มเดียวกันสร้างแคมเปญแบบมาราธอนที่กลายเป็นเคสศึกษาแห่งยุค Live Commerce ไทย ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงพลังของการสื่อสารแบบเรียลไทม์ที่เข้าถึงผู้บริโภคได้โดยตรง
โรงงานผลิตครีม Wise Plus Grow มองว่า ปรากฏการณ์นี้ไม่ใช่แค่เรื่องยอดขาย แต่คือ “การเปลี่ยนวิธีคิดของแบรนด์ไทย” ที่ต้องเข้าใจผู้ชมในมิติของความรู้สึก ความจริง และความไว้วางใจ เราอยากแนะนำให้เจ้าของแบรนด์หรือผู้ประกอบการนำแนวคิดจากเคสนี้ไปต่อยอด เช่น การเล่าเรื่องของสินค้าด้วยความจริงใจ การใช้ไลฟ์สดเป็นเครื่องมือสื่อสารคุณค่าของแบรนด์ และการเตรียมทีมหลังบ้านให้พร้อมเหมือนมืออาชีพ
- ภาพรวมของกระแส จากไลฟ์ธรรมดาสู่ปรากฏการณ์ยอดขายทะลุหลักสิบล้าน
- 10 เทคนิคการขายของแบบเจนนี่ ที่ทำให้ยอดพุ่ง
- Shoppertainment เมื่อความบันเทิงกลายเป็นเครื่องมือการขาย
- บทเรียนทางการตลาดจากเคส เจนนี่-รัชนก สุวรรณเกตุ
- แนวทางสำหรับแบรนด์สกินแคร์ และ SME ในประเทศไทย
- สรุป Live Commerce ไม่ใช่แค่การขาย แต่คือการสร้างเรื่องราว
- คำถามที่พบบ่อย (FAQ)
ภาพรวมของกระแส จากไลฟ์ธรรมดาสู่ปรากฏการณ์ยอดขายทะลุหลักสิบล้าน
ตามรายงานของ เดลินิวส์ เจนนี่จัด “เทศกาลไลฟ์สด” ต่อเนื่อง 4 วัน ยอดขายรวมแตะ 263 ล้านบาท และมีการเปิดเผยว่ามีบางวันทำยอดได้สูงสุดกว่า 126 ล้านบาทภายใน 9 ชั่วโมง ขณะที่ Sanook รายงานเพิ่มเติมว่า “หนุ่ม กรรชัย” นำสินค้าร่วมไลฟ์กับเจนนี่ ทำยอดได้กว่า 19 ล้านบาทภายใน 10 นาทีเท่านั้น
ตัวเลขเหล่านี้ทำให้ชื่อของเจนนี่ถูกพูดถึงอย่างกว้างขวาง ทั้งใน Facebook, TikTok และ Twitter โดยมีแฮชแท็ก #เจนนี่ได้หมดถ้าสดชื่น ติดเทรนด์อันดับต้นๆ ของประเทศตลอดสัปดาห์นั้น
10 เทคนิคการขายของแบบเจนนี่ ที่ทำให้ยอดพุ่ง
เทคนิค | รายละเอียด | สิ่งที่แบรนด์เรียนรู้ได้ |
---|---|---|
1. เปิดไลฟ์ด้วยสินค้าตัวเด็ด | เริ่มต้นด้วยสินค้าขายดี ปักตะกร้าไว้ตั้งแต่ต้น เพื่อดึงคนดูให้กดทันที | เลือกสินค้าที่ “ชนะใจตลาด” เช่น เซรั่มหรือครีมยอดนิยมมาเปิด |
2. ไลฟ์แบบมาราธอน | เจนนี่ไลฟ์ตั้งแต่ 11 โมงเช้าถึงตี 6 ติดต่อกันหลายวัน (อ้างอิง ไทยรัฐ) | แบรนด์สามารถจัด “มินิไลฟ์มาราธอน” 3-4 ชั่วโมงต่อเนื่องเพื่อสร้างจังหวะ peak |
3. ใช้ทีมแอดมินช่วยปักตะกร้า | ทีมหลังบ้านช่วยตอบคอมเมนต์ ปักลิงก์ และเปลี่ยนสินค้าตลอดไลฟ์ | เตรียมทีมหลังบ้านไว้ 2–3 คนต่อไลฟ์ เพื่อไม่ให้ยอดหล่นระหว่างเปลี่ยนสินค้า |
4. ใช้อารมณ์และเรื่องจริงเข้าช่วย | เธอเล่าชีวิตส่วนตัว ความยากลำบาก และแรงบันดาลใจ จนคนรู้สึกผูกพัน | Storytelling คือกุญแจสำคัญของ “Shoppertainment” ยุคใหม่ |
5. ดึงดาราร่วมไลฟ์ | ดาราอย่าง “อั้ม พัชราภา” ถูกเชิญร่วมงาน ไลฟ์ช่วยเพิ่มความน่าเชื่อถือ | แบรนด์สามารถใช้ Influencer ร่วมไลฟ์แบบ Cross-Audience เพื่อขยายฐานลูกค้า |
6. กระตุ้น Engagement | ชวนคนกดหัวใจ พิมพ์ 1 พิมพ์ 2 ตลอดเวลา เพื่อให้ระบบดันไลฟ์ | ยิ่งมี interaction สูง algorithm ยิ่งดันไปหาผู้ชมใหม่ |
7. โปร่งใสเรื่องรายได้ | เธอเปิดเผยค่าจ้างและยอดขายแบบตรงไปตรงมา (Sanook รายงาน 3 ล้าน/ไลฟ์) | ความโปร่งใสทำให้คนดูเชื่อถือและอยากสนับสนุน |
8. ใช้โปรโมชั่นแบบจำกัดเวลา | สร้าง FOMO เช่น “ภายใน 10 นาทีนี้เท่านั้น” | เพิ่ม Conversion ได้ 2–3 เท่าหากมี Countdown หรือของแถมเฉพาะช่วงไลฟ์ |
9. ตัดคลิปช็อตเด็ดลง TikTok | หลังจบไลฟ์ เจนนี่ตัดช่วงยอดขายพุ่งหรือคำพูดเด็ดๆ มาลงต่อ | แบรนด์ควรทำ Content Recycling เพื่อเก็บ Traffic ต่อเนื่อง |
10. สร้างภาพลักษณ์คืนกำไรสังคม | เจนนี่บริจาครถฉุกเฉินจากรายได้ 400 ล้าน (Facebook เธอประกาศ) | แบรนด์ที่ทำ CSR ควบคู่จะสร้างความรักและความผูกพันกับผู้ชมได้มากขึ้น |
Shoppertainment เมื่อความบันเทิงกลายเป็นเครื่องมือการขาย
ปรากฏการณ์นี้สะท้อนแนวคิดใหม่ของตลาดไทยที่เรียกว่า Shoppertainment — การผสมระหว่าง Entertainment (ความสนุก) และ Commerce (การขาย) โดยรายงานจาก BusinessWire ระบุว่าตลาด Social Commerce ไทยเติบโตปีละกว่า 20% และแนวโน้มของ Live Commerce จะกลายเป็นช่องทางหลักของแบรนด์ภายในปี 2030
แบรนด์ที่สามารถเล่าเรื่องได้ “สนุกแต่ไม่เฟค” มีแนวโน้มสร้างยอดขายเฉลี่ยสูงกว่าการขายตรงถึง 3 เท่า เพราะคนดูไม่เพียงแค่ซื้อ แต่ยัง อยากอยู่ในประสบการณ์นั้น
บทเรียนทางการตลาดจากเคส เจนนี่-รัชนก สุวรรณเกตุ
1. Storytelling คือพลังสูงสุดของความจริง
เจนนี่ไม่ได้ใช้สคริปต์ซับซ้อน แต่พูดด้วยอารมณ์จริง สิ่งนี้กลายเป็น Trust Builder ชั้นยอดที่เงินซื้อไม่ได้ การขายของยุคนี้จึงไม่ใช่แค่พูดเก่ง แต่ต้อง “เป็นคนจริง” ที่คนดูเชื่อ
2. การตลาดแบบมาราธอนต้องมีทีม
การไลฟ์ต่อเนื่องกว่า 10 ชั่วโมงต้องอาศัยทีมเบื้องหลัง เช่น แอดมิน, ฝ่ายเทคนิค, ระบบสต็อก, ฝ่ายแพ็กของ การขาดระบบสนับสนุนอาจทำให้ “ยอดตก” หรือเกิดข้อผิดพลาดทางโลจิสติกส์ได้ง่าย
3. โปร่งใส = ความน่าเชื่อถือ
การเปิดเผยยอดขาย ค่าจ้าง และเงื่อนไขชัดเจนทำให้ภาพลักษณ์เจนนี่กลับมาแข็งแรงขึ้นหลังผ่านดราม่าหลายครั้ง แบรนด์ควรยึดแนวทางนี้เป็นหลักของ E-E-A-T (Experience, Expertise, Authority, Trust)
4. ข้อควรระวังสำหรับแบรนด์
- อย่าใช้ตัวเลขเกินจริงเพื่อสร้างกระแส เพราะจะกระทบความเชื่อมั่น
- วางระบบหลังบ้านให้พร้อม เช่น การชำระเงิน, ระบบติดตามพัสดุ
- ตรวจสอบการเคลมคุณสมบัติสินค้า โดยเฉพาะผลิตภัณฑ์สุขภาพและสกินแคร์
- เตรียมทีมดูแลลูกค้าหลังไลฟ์ เพื่อจัดการคำถามและเคลมสินค้าอย่างรวดเร็ว
แนวทางสำหรับแบรนด์สกินแคร์ และ SME ในประเทศไทย
แบรนด์สกินแคร์ไทยสามารถนำแนวคิดจากเจนนี่ ได้หมดถ้าสดชื่น ไปต่อยอดได้ เช่น:
- เริ่มต้นจาก “สินค้าตัวเดียวที่ขายได้จริง” แล้วใช้ Storytelling สื่อถึงคุณค่า
- ใช้ Influencer ที่พูดด้วยภาษาคนจริง ไม่ต้องดังแต่มีฐานคนติดตามเชื่อใจ
- ทำ Live สั้นแต่ถี่ เช่น 2 ชั่วโมงต่อวัน แทนการไลฟ์ยาวจนคนดูหมดแรง
- วางระบบ “ปักตะกร้าอัตโนมัติ” ผ่าน TikTok Shop หรือ Facebook API
- ใช้คลิปหลังไลฟ์ไปลง Reels, Shorts, TikTok เพื่อเก็บ Engagement ต่อ
สรุป Live Commerce ไม่ใช่แค่การขาย แต่คือการสร้างเรื่องราว
เคสเจนนี่ได้หมดถ้าสดชื่นพิสูจน์ว่า “ความจริงและความสนุก” คือหัวใจของ Live Commerce ที่แท้จริง ไม่ว่าจะเป็นแบรนด์สกินแคร์ เสื้อผ้า หรือสินค้าไลฟ์สไตล์ หากเข้าใจจิตวิทยาผู้ชม ใช้เทคนิคปักตะกร้า จัดจังหวะ และเล่าเรื่องให้น่าสนใจ คุณก็มีโอกาสสร้างยอดหลักล้านได้เช่นกัน
Live Commerce ไทยกำลังเปลี่ยนจาก “คนขายของ” สู่ “นักเล่าเรื่องบนจอ” — และใครที่ปรับตัวได้ก่อน จะเป็นผู้ชนะในเกมการตลาดยุคใหม่
คำถามที่พบบ่อย (FAQ)
1. เจนนี่ได้หมดถ้าสดชื่นขายของได้ยังไงถึงร้อยล้าน?
เพราะเธอใช้การเล่าเรื่องจริง กระตุ้นอารมณ์ และมีทีมช่วยตลอดไลฟ์ ทำให้คนดูรู้สึกมีส่วนร่วมและกดซื้อทันที
2. เทคนิคไลฟ์ขายของให้ได้ยอดสูงที่สุดคืออะไร?
การเปิดไลฟ์ด้วยสินค้าขายดี การปักตะกร้า และการสร้าง FOMO เช่น “ภายใน 10 นาทีนี้เท่านั้น” คือหัวใจสำคัญ
3. แบรนด์เล็ก ๆ ควรเริ่มต้น Live Commerce ยังไง?
เริ่มจากไลฟ์สั้น 1–2 ชั่วโมง ทดสอบสินค้าตัวเดียว แล้วใช้ทีมแอดมินช่วยตอบคอมเมนต์และดูระบบสต็อกให้พร้อม
4. ควรใช้ดาราหรืออินฟลูเอนเซอร์ไหม?
ขึ้นอยู่กับงบประมาณ หากสินค้ามีคุณภาพสูง ใช้ micro-influencer ที่พูดตรงกลุ่มจะคุ้มค่ากว่า
5. การทำ Live Commerce ต้องใช้เครื่องมืออะไร?
แพลตฟอร์มหลักคือ TikTok Shop, Facebook Live, LINE MyShop และระบบปักตะกร้าอัตโนมัติ เช่น Bento หรือ Shopline