ในปี 2025 วงการความงามยังคงคึกคักและมีการเปลี่ยนแปลงอยู่เสมอ เทรนด์ความงามใหม่ๆ เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง เจ้าของแบรนด์จึงต้องปรับตัวให้ทัน เพื่อตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภคที่เปลี่ยนไป ในบทความนี้ เราจะพาไปเจาะลึก 5 เทรนด์ความงามแห่งปี ที่จะช่วยให้เจ้าของแบรนด์สามารถพัฒนาสินค้าและบริการให้โดนใจ และสร้างยอดขายได้อย่างปังๆ
1.Skinimalism สวยแบบเรียบง่าย
Skinimalism หรือแนวคิด “Less is More” ยังคงเป็นเทรนด์ความงามที่มาแรงอย่างต่อเนื่องในปี 2025 โดยเน้นการดูแลผิวแบบเรียบง่าย แต่ให้ผลลัพธ์ที่มีประสิทธิภาพ ด้วยการใช้ผลิตภัณฑ์น้อยชิ้น แต่เลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพสูง และมีส่วนผสมที่ตรงกับปัญหาผิว Skinimalism ส่งเสริมให้ผู้บริโภคเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่จำเป็นจริงๆ เท่านั้น ซึ่งสอดคล้องกับกระแสความยั่งยืน และการลดปริมาณขยะ เทรนด์นี้ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ของคนยุคใหม่ ที่ต้องการความสะดวกสบาย ความคุ้มค่า และความยั่งยืน
ตัวอย่างแบรนด์ที่ประสบความสำเร็จ: เช่น แบรนด์ Wise Plus Grow นำเสนอผลิตภัณฑ์ที่หลากหลาย เช่น เซรั่มบำรุงขนตาและคิ้ว เจลลดเลือนริ้วรอยใต้ตา และครีมกันแดด ที่เน้นส่วนผสมจากธรรมชาติ และให้ผลลัพธ์ที่ชัดเจน โดยไม่ต้องใช้ผลิตภัณฑ์หลายขั้นตอน
เคล็ดลับสำหรับเจ้าของแบรนด์
- พัฒนาผลิตภัณฑ์แบบ Multi-tasking: เช่น ครีมกันแดด ที่ผสมรองพื้น หรือ มอยส์เจอไรเซอร์ที่ผสมเซรั่ม เพื่อลดขั้นตอนการดูแลผิว
- เลือกใช้ส่วนผสมที่มีประสิทธิภาพสูง: เช่น Exosomes หรือ AI Skincare ที่ช่วยฟื้นฟูผิวในระดับเซลล์
- ออกแบบบรรจุภัณฑ์ที่ยั่งยืน: เช่น การใช้วัสดุรีไซเคิล หรือ การลดขนาดบรรจุภัณฑ์
2.ปรับโฉมแพ็กเกจจิ้งรักษ์โลก
ผู้บริโภคยุคใหม่ ใส่ใจสิ่งแวดล้อมมากขึ้น เทรนด์บรรจุภัณฑ์รักษ์โลก จึงเป็นสิ่งที่เจ้าของแบรนด์ต้องให้ความสำคัญ โดยเฉพาะการใช้วัสดุ PCR (Post-Consumer Recycled Materials) ซึ่งเป็นวัสดุที่ได้จากการรีไซเคิล วัสดุ PCR ช่วยลดปริมาณขยะ และสร้างความมั่นใจให้กับผู้บริโภคที่ใส่ใจสิ่งแวดล้อม นอกจากนี้ การออกแบบบรรจุภัณฑ์สไตล์มินิมอล ก็ยังคงได้รับความนิยม ด้วยดีไซน์ที่เรียบง่าย แต่ดูทันสมัย สีเอิร์ธโทน และวัสดุจากธรรมชาติ เช่น กระดาษคราฟท์ ก็เป็นอีกหนึ่งเทรนด์ที่น่าสนใจ
ตัวอย่างแบรนด์ที่ประสบความสำเร็จ: แบรนด์ L’Occitane en Provence ให้ความสำคัญกับความยั่งยืน โดยเลือกใช้บรรจุภัณฑ์ที่ทำจากพลาสติกรีไซเคิล และลดการใช้วัสดุสิ้นเปลือง
เคล็ดลับสำหรับเจ้าของแบรนด์
- เลือกใช้วัสดุรีไซเคิล: เช่น พลาสติก กระดาษ หรือ แก้ว
- ลดการใช้วัสดุสิ้นเปลือง: เช่น พลาสติกห่อหุ้ม หรือ กล่องบรรจุภัณฑ์
- ออกแบบบรรจุภัณฑ์ให้สามารถนำกลับมาใช้ใหม่ได้: เช่น ขวดแก้ว หรือ กระปุกโลหะ
- เลือกใช้สีและวัสดุธรรมชาติ: เช่น สีเอิร์ธโทน และ กระดาษคราฟท์
3.เสริมทัพด้วยเทคโนโลยีความงาม
เทคโนโลยีความงาม หรือ Beauty Tech กำลังเข้ามามีบทบาทสำคัญในวงการความงาม ช่วยให้การดูแลผิวมีประสิทธิภาพ และตรงจุดมากขึ้น เช่น การใช้ AI วิเคราะห์สภาพผิว หรือ การใช้ LED กระตุ้นการสร้างคอลลาเจน อุปกรณ์ Beauty Tech ได้รับความนิยมมากขึ้น เนื่องจากผู้บริโภคยุคใหม่ ต้องการผลลัพธ์ที่รวดเร็ว และ เห็นผลชัดเจน
ตัวอย่างแบรนด์ที่ประสบความสำเร็จ: เช่น แบรนด์ FOREO พัฒนาอุปกรณ์ LED สำหรับดูแลเส้นผม ที่ช่วยลดปัญหาผมร่วง และกระตุ้นการงอกใหม่ของเส้นผม
เคล็ดลับสำหรับเจ้าของแบรนด์
- นำเทคโนโลยีมาใช้ในการวิเคราะห์สภาพผิว: เช่น การใช้แอปพลิเคชัน หรือ อุปกรณ์ AI
- พัฒนาอุปกรณ์ Beauty Tech: เช่น เครื่องนวดหน้า หรือ แปรงล้างหน้า
- นำเสนอบริการที่ผสมผสานเทคโนโลยี: เช่น การให้คำปรึกษา ผ่าน วิดีโอคอล
- พัฒนาอุปกรณ์ที่ตอบโจทย์ปัญหาผมร่วง: เช่น หวีเลเซอร์ หรือ หมวก LED
- นำเสนอผลิตภัณฑ์เสริม: เช่น เซรั่มบำรุงรากผม
- ให้ความรู้เกี่ยวกับการดูแลเส้นผม: ผ่าน ช่องทางออนไลน์
4.Beauty Supplement บำรุงความงามจากภายใน
เทรนด์การดูแลสุขภาพแบบองค์รวม กำลังได้รับความนิยม ส่งผลให้ตลาด Beauty Supplement เติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะ วิตามิน รังนก และ อาหารเสริมเพื่อความงาม ผู้บริโภค Gen Z และ Gen Y หันมาให้ความสำคัญกับการดูแลสุขภาพ และ เลือกซื้ออาหารเสริมมากขึ้น
ตัวอย่างแบรนด์ที่ประสบความสำเร็จ: เช่น แบรนด์ Vistra มีผลิตภัณฑ์เสริมอาหารที่หลากหลาย เช่น วิตามินซี คอลลาเจน และ สารสกัดจากธรรมชาติ ที่ตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภค
เคล็ดลับสำหรับเจ้าของแบรนด์
- พัฒนาอาหารเสริมที่ตอบโจทย์ปัญหาผิว: เช่น อาหารเสริมลดริ้วรอย หรือ อาหารเสริม ผิวขาวใส
- เลือกใช้ส่วนผสมที่ปลอดภัย และ มีงานวิจัยรองรับ
- สื่อสารข้อมูล และ ประโยชน์ของผลิตภัณฑ์อย่างชัดเจน
5.ครองใจผู้บริโภค Gen Z
Gen Z เป็นกลุ่มผู้บริโภคที่มีกำลังซื้อสูง และมีอิทธิพลต่อเทรนด์ต่างๆ เจ้าของแบรนด์จึงต้องทำความเข้าใจพฤติกรรม และความต้องการของคนกลุ่มนี้ Gen Z ให้ความสำคัญกับ Mental Wellness, Social health, Spiritual health และความหลากหลาย พวกเขา ใส่ใจในคุณภาพของสินค้า ข้อมูล และ รีวิวออนไลน์ และ ต้องการเห็นความงามที่หลากหลาย
ตัวอย่างแบรนด์ที่ประสบความสำเร็จ: แบรนด์ Rare Beauty โดย Selena Gomez ประสบความสำเร็จในการเข้าถึง Gen Z ด้วยการสื่อสาร ผ่าน Social Media และ เน้นย้ำ เรื่อง Mental Health และ ความหลากหลาย
เคล็ดลับสำหรับเจ้าของแบรนด์
- ใช้ Social Media เป็นช่องทางหลักในการสื่อสาร: เช่น TikTok, Instagram
- สร้าง Content ที่น่าสนใจ และ ตรงกับไลฟ์สไตล์ของ Gen Z: เช่น วิดีโอสั้น
- เน้นความหลากหลาย และ ความเท่าเทียม: เช่น การใช้ Model หลากหลายเชื้อชาติ
- ใช้กลยุทธ์ Influencer Marketing
- สร้าง Community ออนไลน์
- มอบประสบการณ์ Personalized
แถมให้อีกเทรน ผู้ชายก็ดูแลตัวเองได้
ในอดีต ผลิตภัณฑ์ความงามส่วนใหญ่มักจะเน้นกลุ่มเป้าหมายที่เป็นผู้หญิง แต่ในปัจจุบัน ผู้ชายก็หันมาใส่ใจดูแลตัวเองมากขึ้น โดยเฉพาะ ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดผิวหน้า มอยส์เจอไรเซอร์ และ ครีมกันแดด เจ้าของแบรนด์ จึงควรพิจารณา พัฒนาสินค้า และ บริการที่ตอบโจทย์ผู้บริโภคกลุ่มนี้
ตัวอย่างแบรนด์ที่ประสบความสำเร็จ: เช่น แบรนด์ Bulldog Skincare for Men เน้น ผลิตภัณฑ์ดูแลผิวสำหรับผู้ชายโดยเฉพาะ ด้วยส่วนผสมจากธรรมชาติ
เคล็ดลับสำหรับเจ้าของแบรนด์ เพื่อผู้ชาย
- พัฒนาผลิตภัณฑ์ สำหรับผู้ชายโดยเฉพาะ: เช่น ครีมโกนหนวด หรือ เซรั่ม ลดเลือนริ้วรอย
- ออกแบบบรรจุภัณฑ์ ที่ ดูแมน และ ใช้งานง่าย
- สื่อสาร ผ่าน ช่องทางที่เข้าถึงผู้ชาย: เช่น เว็บไซต์ กีฬา หรือ นิตยสารผู้ชาย