เบื้องหลังน้ำหอมขวดหนึ่งไม่ได้มีเพียงความหอมเท่านั้น แต่คือ “โครงสร้างกลิ่น” ที่นักปรุงน้ำหอมออกแบบอย่างละเอียดเพื่อสร้างอารมณ์และช่วงเวลาของกลิ่นตั้งแต่วินาทีแรกจนถึงชั่วโมงสุดท้าย การเข้าใจกลไกของกลิ่นทั้งสามชั้น ได้แก่ Top Note, Heart Note และ Base Note คือพื้นฐานสำคัญที่เจ้าของแบรนด์และผู้พัฒนาผลิตภัณฑ์ต้องรู้ เพราะช่วยให้สื่อสารกับผู้ปรุงกลิ่นได้อย่างมีประสิทธิภาพและควบคุมอารมณ์ของน้ำหอมให้ตรงกับแนวคิดของแบรนด์
โครงสร้างกลิ่นสามชั้นคืออะไร

น้ำหอมทุกสูตรประกอบด้วยชั้นกลิ่นสามระดับที่ทำงานต่อเนื่องกัน เปรียบเสมือนบทเพลงที่เริ่มจากเสียงแรกอย่างนุ่มนวล ต่อด้วยทำนองหลัก และจบด้วยเสียงต่ำที่ยาวนาน กลิ่นทั้งสามนี้รวมกันสร้างเอกลักษณ์เฉพาะตัวของผลิตภัณฑ์
| ชั้นกลิ่น | ลักษณะ | ระยะเวลาคงกลิ่นโดยประมาณ | ตัวอย่างวัตถุดิบ |
|---|---|---|---|
| Top Note | กลิ่นแรกที่สัมผัส ให้ความรู้สึกสดชื่น | 5–15 นาที | เลมอน เบอร์กามอต มิ้นต์ |
| Heart Note | กลิ่นหลักของน้ำหอม สื่อบุคลิกแบรนด์ | 30–60 นาที | ดอกกุหลาบ ลาเวนเดอร์ มะลิ |
| Base Note | กลิ่นที่คงอยู่ยาวนาน ให้ความลุ่มลึก | 2–6 ชั่วโมง | มัสก์ วานิลลา ซีดาร์วู้ด แพทชูลี |
ความสัมพันธ์ของ Top-Heart-Base
ทั้งสามชั้นกลิ่นทำงานร่วมกันอย่างซับซ้อน หากเปรียบเทียบเป็นรสชาติ Top คือความสด Heart คือเนื้อแท้ และ Base คือรสที่ค้างอยู่ปลายลิ้น การปรับสมดุลแต่ละชั้นจึงมีผลต่ออารมณ์รวมของน้ำหอม เช่น หากต้องการกลิ่นสดใสสำหรับหน้าร้อนควรเพิ่มสัดส่วน Top Note แต่ถ้าอยากให้กลิ่นอบอุ่นและหรูหราจะต้องเสริม Base Note ให้มากขึ้น
- Top Note สร้างความประทับใจแรก พบได้ในแนวกลิ่นสะอาดหรือผลไม้
- Heart Note เป็นหัวใจของกลิ่น ให้ความรู้สึกอบอุ่นและต่อเนื่อง
- Base Note สร้างความทรงจำและความคงทนของน้ำหอม
ขั้นตอนการออกแบบสูตรกลิ่น

1. กำหนดอารมณ์และแนวกลิ่นของแบรนด์
เริ่มจากการระบุอารมณ์ที่ต้องการ เช่น สดชื่น ผ่อนคลาย หรูหรา หรือโรแมนติก แล้วเลือกแนวกลิ่นให้สอดคล้อง เช่น กลิ่นแนวสะอาด ดอกไม้ หรือไม้หอม ดูแนวโน้มตลาดได้จาก เทรนด์กลิ่นน้ำหอมปี 2025 แนวสะอาด ขนม ธรรมชาติ
2. เลือกวัตถุดิบและหัวน้ำหอม
เลือกหัวน้ำหอมจากแหล่งที่ผ่านการรับรอง IFRA เพื่อความปลอดภัยต่อผิวหนังและสิ่งแวดล้อม โรงงานผู้ผลิตควรมีทีมวิจัยและพัฒนา (R&D) ที่สามารถปรับสัดส่วนกลิ่นได้อย่างแม่นยำ หากยังไม่มีพาร์ทเนอร์ด้านการผลิต สามารถดูแนวทางได้ที่ เช็คลิสต์เลือกโรงงานน้ำหอม OEM มาตรฐาน IFRA และ GMP
3. ทดลองผสมและปรับสมดุล
นักปรุงกลิ่นจะเริ่มจากการทดสอบสัดส่วนของแต่ละ Note แล้วปล่อยให้กลิ่นเซตตัวเพื่อดูการเปลี่ยนแปลงเมื่อเวลาผ่านไป การทดสอบนี้มักทำซ้ำหลายรอบเพื่อให้ได้สูตรที่เสถียร
4. ทดสอบกลิ่นกับกลุ่มเป้าหมาย
หลังได้สูตรต้นแบบ ควรทำการทดสอบกับกลุ่มผู้ใช้จริง (Focus Group) เพื่อเก็บข้อมูลความพึงพอใจ ความติดทน และอารมณ์ของกลิ่น จากนั้นปรับสูตรให้เหมาะกับตลาดไทย
เคล็ดลับการสร้างกลิ่นที่สมดุล
- ใช้วัตถุดิบคุณภาพสูงสำหรับ Base Note เพื่อให้กลิ่นติดทนนาน
- อย่าให้ Top Note แรงเกินไป เพราะอาจกลบ Heart Note
- ผสมวัตถุดิบไม่เกิน 25–30 ชนิดต่อสูตร เพื่อรักษาความเสถียร
- ควรพักกลิ่น (Maturation) อย่างน้อย 2 สัปดาห์ก่อนทดสอบจริง
ตัวอย่างการจัดสัดส่วนกลิ่นพื้นฐาน
| แนวกลิ่น | Top (%) | Heart (%) | Base (%) |
|---|---|---|---|
| แนวสะอาด | 40 | 40 | 20 |
| แนวขนม | 25 | 40 | 35 |
| แนวไม้หอม | 20 | 30 | 50 |
การเลือกโรงงานผลิตที่เหมาะสม
การออกแบบกลิ่นที่ดีต้องอาศัยการร่วมมือกับโรงงานที่มีความเข้าใจด้านการปรุงกลิ่นและมีระบบทดสอบเสถียรภาพครบวงจร การร่วมมือกับ โรงงานผลิตสกินแคร์ หรือโรงงาน OEM ที่มีทีม Perfumer จะช่วยให้ได้สูตรที่เสถียรและสามารถผลิตในเชิงพาณิชย์ได้จริง
ความเชื่อมโยงกับมาตรฐาน IFRA
ทุกวัตถุดิบที่ใช้ในน้ำหอมต้องผ่านข้อกำหนดของ มาตรฐาน IFRA ซึ่งควบคุมการใช้สารเคมีให้ปลอดภัยต่อผู้บริโภค โดยเฉพาะสารก่อภูมิแพ้ การทำงานร่วมกับโรงงานที่เข้าใจข้อกำหนดนี้จะช่วยลดความเสี่ยงด้านกฎหมายและสร้างความน่าเชื่อถือให้แบรนด์
สรุปความสำคัญของโครงสร้างกลิ่น
การเข้าใจโครงสร้างกลิ่น Top-Heart-Base เป็นพื้นฐานของการออกแบบน้ำหอมอย่างมืออาชีพ กลิ่นที่ดีต้องสมดุลระหว่างความสดใหม่ ความต่อเนื่อง และความลุ่มลึก หากคุณกำลังวางแผนสร้างสูตรกลิ่นเฉพาะตัว สามารถร่วมพัฒนากับผู้เชี่ยวชาญเพื่อ สร้างแบรนด์น้ำหอม ที่มีเอกลักษณ์และตรงใจตลาดได้อย่างมั่นใจ
คำถามที่พบบ่อย
1. Top-Heart-Base Note ต่างกันอย่างไร?
Top คือกลิ่นแรก Heart คือกลิ่นหลักที่แสดงบุคลิก และ Base คือกลิ่นที่คงอยู่นานที่สุด
2. ทำไมต้องเข้าใจโครงสร้างกลิ่นก่อนพัฒนาน้ำหอม?
เพราะช่วยให้เลือกวัตถุดิบและสัดส่วนได้สมดุล ส่งผลต่ออารมณ์และความคงทนของกลิ่น
3. สามารถสร้างกลิ่นโดยไม่ใช้ Base Note ได้ไหม?
ทำได้แต่กลิ่นจะไม่ติดทนนานและขาดความลุ่มลึก จึงไม่เหมาะกับน้ำหอมเชิงพาณิชย์
4. สัดส่วนกลิ่นที่เหมาะสมควรเป็นเท่าไร?
ขึ้นอยู่กับแนวกลิ่น เช่น แนวสะอาดใช้ Top เยอะ แนวไม้หอมใช้ Base มากกว่า
5. การพักกลิ่นก่อนผลิตจริงจำเป็นหรือไม่?
จำเป็น เพราะช่วยให้กลิ่นเข้ากันและเสถียรก่อนเข้าสู่ขั้นตอนผลิตล็อตจริง
Wise Plus Grow เข้าใจทุกความต้องการของเจ้าของแบรนด์
Wise Plus Grow คือ โรงงานผลิตครีม โรงงานเครื่องสำอาง และโรงงานสกินแคร์ ที่ได้รับมาตรฐานสากล ASEAN GMP และ ISO 22716 ให้บริการรับผลิตแบบ OEM ODM OBM ที่ครบวงจร ตั้งแต่พัฒนาสูตร ผลิต ออกแบบบรรจุภัณฑ์ ไปจนถึงการตลาด ทีม R&D ของเราพร้อมช่วยออกแบบสูตรให้เหมาะกับกลุ่มเป้าหมายของคุณ เพื่อให้แบรนด์ของคุณแตกต่างด้วยคุณภาพ ความปลอดภัย และความน่าเชื่อถือในตลาดจริง
- มาตรฐานการผลิตระดับสากล ASEAN GMP & ISO 22716
- ทีม R&D วิจัยและพัฒนาสูตรเฉพาะแบรนด์
- บริการครบวงจร OEM ODM OBM จบในที่เดียว
- มีประสบการณ์ความเชี่ยวชาญด้านการผลิตและส่งออกผลิตภัณฑ์สกินแคร์ทั่วอาเซียน
ติดต่อสอบถามเพิ่มเติม
สำนักงานใหญ่: บริษัท ไวส์พลัสโกร จำกัด (Wise Plus Grow Co., Ltd.)
ที่อยู่: เลขที่ 323 หมู่ 19 ตำบลไร่น้อย อำเภอเมืองอุบลราชธานี จังหวัดอุบลราชธานี 34000
โทรศัพท์: 063-554-2465
LINE: @wiseplusgrow
Email: wiseplusgrow324@gmail.com
เวลาทำการ: 09:00 น. – 17:00 น.
วันทำการ: จันทร์ – อาทิตย์
สอบถามออนไลน์: เปิดตลอด 24 ชั่วโมง



