ตลอด 10 เดือนที่ผ่านมาในปี 2025 ไม่ใช่แค่ปีแห่งกระแสความงามเพียงอย่างเดียว แต่เป็นการผสาน Beauty & Wellness เข้าด้วยกันอย่างสมบูรณ์แบบ จากรายงานของ NielsenIQ และ McKinsey พบว่าอุตสาหกรรมความงามทั่วโลกเติบโตต่อเนื่องกว่า +7% ต่อปี และตลาดเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยเฉพาะประเทศไทย เป็นหนึ่งในภูมิภาคที่ขยายตัวรวดเร็วที่สุด ปัจจัยนี้เปิดโอกาสให้ แบรนด์ไทยมาแรง มีศักยภาพในการขยายตลาดทั้งในและต่างประเทศได้มากกว่าที่เคย
ย้อนหลังไปเมื่อวันที่ 30 มกราคม 2025 งาน “Industry Insights” จัดขึ้นครั้งแรกในหมวด Beauty & Wellness โดยความร่วมมือของ Digital Tips Academy และ NielsenIQ ประเทศไทย งานนี้เปิดเผยว่าพฤติกรรมผู้บริโภคไทยกำลังขยับเข้าสู่การดูแลสุขภาพแบบองค์รวม ตั้งแต่ครีมกันแดด สกินแคร์บำรุงผิวหน้า ไปจนถึงอาหารเสริมเพื่อความงาม ข้อมูลนี้ถือเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญที่ผู้ประกอบการไทยและ โรงงานผลิตครีม ต้องรับรู้และใช้เป็นแนวทางในตอนนี้

ภาพรวม Beauty & Wellness 2025
- Global Beauty: มูลค่าตลาดโตเฉลี่ย 5–7% ต่อปีถึงปี 2030
- Thailand BPC Market: มูลค่า ~7.2 พันล้านเหรียญสหรัฐ โต +13% YoY
- Digital Commerce: TikTok Shop และ Shopee ดันยอดขายกลุ่ม Beauty สูงสุดใน SEA
สำหรับใครที่อยากเห็นภาพรวมทั้งหมดของอุตสาหกรรมความงามในไทย สามารถดูรายละเอียดหลากหลายหัวข้อที่น่าสนใจได้ที่ รวมเทรนธุรกิจสกินแคร์ ซึ่งรวบรวมข้อมูลเชิงลึกและแนวโน้มธุรกิจไว้ครบถ้วน
Top 10 Beauty & Wellness Trends 2025

1. Wellness Ritual Economy – สุขภาพคือกิจวัตรใหม่
จากเดิมที่การดูแลตัวเองเป็น “กิจกรรมเสริม” วันนี้กลายเป็น “กิจวัตรประจำวัน” แล้ว ผลสำรวจ NielsenIQ 2025 พบว่า 74% ของผู้บริโภคไทย เลือกเริ่มวันใหม่ด้วยผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้องกับ wellness เช่น เครื่องดื่มสมุนไพร, โยคะ, สกินแคร์แนว calming
Case study: แบรนด์สกินแคร์ไทยที่ใช้สารสกัดดอกคาโมมายล์และใบบัวบก ทำยอดขายโตใน Shopee กว่า 2 เท่าในปีเดียว
2. Digital Surge – จากรีวิวสู่การซื้อจริง
โซเชียลคอมเมิร์ซกำลังเป็นตัวเร่งหลัก โดยเฉพาะ TikTok Shop ที่มียอดขาย Beauty ใน SEA โต +70% YoY คนไทยนิยมคลิปรีวิว “กันแดด” และ “เซรั่มบำรุงผิวหน้า” เป็นพิเศษ
ใน เทรนด์ครีมขายดี 2025 เราเห็นแล้วว่าคลิปไวรัลเพียง 15–30 วินาทีบน TikTok สามารถสร้างยอดขายหลักล้านได้
3. Cleanical Beauty – โปร่งใสและพิสูจน์ได้
Gen Z และ Gen Y ให้ความสำคัญกับส่วนผสมและผลการทดสอบจริง NielsenIQ รายงานว่า 68% ของผู้ซื้อ ยอมจ่ายแพงขึ้นเพื่อสินค้าที่ผ่าน Clinical Test หรือมีส่วนผสมสะอาด
- ผลิตภัณฑ์ที่ “ไม่มีน้ำหอม” และ “Alcohol Free” ติดอันดับขายดี
- คำค้น “ครีม Hypoallergenic” ใน Pantip โตขึ้นกว่า 45% ในปีที่ผ่านมา
4. Functional Food & Nutricosmetics
คอลลาเจน เครื่องดื่มบิวตี้ และวิตามินเสริมเติบโตต่อเนื่องในไทย โดยเฉพาะตลาดกลุ่มผู้หญิงอายุ 25-40 ปี ที่มอง “อาหารเสริม = ส่วนหนึ่งของสกินแคร์” ไม่ใช่แยกกันอีกต่อไป
Insight: Shopee 2024 – คีย์เวิร์ด “collagen drink” มียอดค้นหาเพิ่มขึ้นกว่า +92% YoY
5. Mental Wellness + Beauty
ใน Pantip มีกระทู้ไวรัลเรื่อง “การใช้มาสก์อโรม่าเพื่อคลายเครียด” มียอดอ่านกว่า 100,000 ครั้งในปี 2024 สะท้อนว่าผู้บริโภคเชื่อมโยงความผ่อนคลายกับความงามชัดเจนขึ้น ผลิตภัณฑ์กลิ่นลาเวนเดอร์, ยูคาลิปตัส และโรสแมรี่มียอดขายเพิ่มขึ้นกว่า +15% YoY โดยเฉพาะในกลุ่ม Gen Y ที่ทำงานในเมือง
6. Inclusive & Ageless Beauty
การตลาดไม่ได้โฟกัสเฉพาะวัยรุ่นอีกต่อไป แบรนด์ไทยที่ออกไลน์ “ครีมผู้ชาย” และ “เซรั่มผู้สูงอายุ” กลับได้รับการตอบรับดี NielsenIQ รายงานว่า ตลาด Silver Age Beauty โต +11% ในไทย
7. Tech-Driven Beauty – AI & AR Experience
จากการสำรวจ Gen Z ไทยกว่า 1,000 คน พบว่า 62% อยากทดลองสินค้าผ่าน AR ก่อนซื้อจริง ทำให้การใช้ AI Skin Diagnosis และ AR Try-On เป็นเครื่องมือสำคัญของแบรนด์
ตัวอย่าง: คลินิกเสริมความงามในกรุงเทพฯ ทดลองใช้ AI Skin Scan ช่วยแนะนำผลิตภัณฑ์ ทำให้ conversion rate เพิ่มขึ้นกว่า 30%
8. Sustainability & Eco-Packaging
65% ของผู้บริโภคไทยในปี 2025 ยอมจ่ายเพิ่มหากสินค้ามีบรรจุภัณฑ์รักษ์โลก ตัวอย่างเช่น “ขวดรีฟิล” และ “ซอง bio-plastic” เริ่มถูกใช้โดยหลายแบรนด์ไทย
9. K-Beauty 2025 บทเรียนและแรงบันดาลใจ
แม้ K-Beauty จะยังเป็นผู้นำตลาด SEA ด้วยจุดแข็งด้านนวัตกรรมบรรจุภัณฑ์และสูตรล้ำสมัย (เติบโตเฉลี่ย +10% ต่อปีในภูมิภาค) แต่ผู้บริโภคไทยเริ่มหันมาให้ความสนใจกับ Thai Botanical Skincare มากขึ้น โดยเฉพาะผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมจากสมุนไพรไทย เช่น เซรั่มใบบัวบกและครีมขมิ้น ซึ่งยอดขายบน Lazada และ Shopee ในปีที่ผ่านมาเพิ่มขึ้นกว่า +20% YoY สะท้อนความเชื่อมั่นต่อส่วนผสมธรรมชาติที่ใกล้ตัว
การผสมผสาน “ความทันสมัยแบบเกาหลี” กับ “ภูมิปัญญาสมุนไพรไทย” จึงไม่ใช่เพียงทางเลือก แต่เป็นกุญแจสำคัญในการ สร้างแบรนด์สกินแคร์ ที่โดดเด่นในปี 2025 และต่อไป หากอยากเข้าใจว่า K-Beauty กำลังเปลี่ยนทิศไปอย่างไร และโอกาสของไทยอยู่ตรงไหน ดูข้อมูลเจาะลึก K-Beauty 2025 แบบละเอียด
10. Thai Local Herbs x Wellness Skincare
สมุนไพรไทยเริ่มเป็น Global Trend – ขมิ้น, มะขาม, ใบบัวบก ถูกยกขึ้นเป็น natural hero ingredients ใน TikTok และ YouTube รีวิวต่างประเทศ มีแฮชแท็ก #TurmericSkincare มียอดวิวกว่า 300 ล้านครั้ง
เปรียบเทียบ Gen Z และ Gen Y ในการเลือกผลิตภัณฑ์
| ปัจจัย | Gen Z | Gen Y |
|---|---|---|
| ช่องทางหลัก | TikTok, IG Reels | Facebook, Lazada |
| ความคาดหวัง | Transparency, Clinical Proof | ความคุ้มค่า + รีวิวจริง |
| สินค้ายอดนิยม | กันแดด, Serum Spot Treatment | Cream Anti-aging, Eye Cream |
กลยุทธ์ที่แบรนด์ไทยควรโฟกัสในปี 2025
การผสานเทรนด์เหล่านี้เข้ากับการพัฒนาสินค้าใหม่ ไม่ว่าจะเป็นการเลือกสูตร การดีไซน์บรรจุภัณฑ์ หรือการทำการตลาดดิจิทัล คือปัจจัยที่ช่วยสร้างความได้เปรียบสำหรับธุรกิจไทย เจ้าของแบรนด์ควรมองหาพาร์ทเนอร์ที่เข้าใจเทรนด์และตลาด เช่น โรงงานผลิตเซรั่ม ที่สามารถพัฒนาผลิตภัณฑ์ตรงกับดีมานด์ผู้บริโภค
หน้าร้าน VS ร้านออนไลน์ พฤติกรรมผู้บริโภคไทยในปี 2025

ตลาดความงามในประเทศไทยกำลังเปลี่ยนแปลงอย่างชัดเจน ระหว่าง “หน้าร้าน (Offline)” และ “ออนไลน์ (E-commerce + Social Commerce)” ข้อมูลจาก Kantar Worldpanel (2024) ระบุว่า เกือบครึ่งหนึ่งของผู้บริโภคไทยซื้อสินค้า Beauty ผ่านช่องทางออนไลน์ แล้ว แต่ในเชิงปริมาณการเข้าร้านจริง (offline shopper traffic) ยังคงสูงกว่าออนไลน์ถึง 8 เท่า ซึ่งสะท้อนว่า แม้ออนไลน์จะมาแรง แต่หน้าร้านก็ยังเป็นช่องทางที่ผู้บริโภคใช้เพื่อทดลองและสัมผัสสินค้าก่อนตัดสินใจซื้อจริง
รายงานของ Intellify (2025) ยังคาดการณ์ว่า ตลาดค้าปลีกไทยปี 2025 จะยังคงมีสัดส่วนยอดขายจากหน้าร้านราว 81.3% ในขณะที่ออนไลน์ครองประมาณ 18.7% แต่ภายในปี 2030 คาดว่าออนไลน์จะเพิ่มขึ้นแตะ 21.9% ของตลาดรวม
ข้อมูลจาก Insignia (2025) ตอกย้ำว่า หมวด Beauty เป็นหนึ่งในกลุ่มที่ขับเคลื่อนอีคอมเมิร์ซในไทย โดยเกือบ 6 ใน 10 การซื้อความงามเกิดขึ้นผ่านออนไลน์ ไม่ว่าจะเป็น Shopee, Lazada หรือ TikTok Shop ทำให้แบรนด์ต้องปรับตัวสู่ Omnichannel อย่างจริงจัง ตัวอย่างเช่น Watsons ที่ผสานหน้าร้านกว่า 600 สาขาทั่วไทยเข้ากับการขายออนไลน์ เพื่อครองทั้งสองตลาด
สรุปเกี่ยวกับ Beauty & Wellness 2025
10 เทรนด์ Beauty & Wellness 2025 แสดงให้เห็นว่าตลาดไทยกำลังเคลื่อนไปสู่การดูแลสุขภาพแบบองค์รวม ตั้งแต่ใบหน้า ร่างกาย ไปจนถึงอาหารเสริมและสุขภาพจิตใจ การเรียนรู้จาก K-Beauty และการต่อยอดสมุนไพรไทยคือหัวใจสำคัญในการผลักดัน แบรนด์สกินแคร์ไทยกำลังมาแรง สู่ตลาดโลก สำหรับเจ้าของธุรกิจที่ต้องการเริ่มต้น การเข้าใจเทรนด์เหล่านี้จะช่วยให้การ สร้างแบรนด์ครีม และการพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ทำได้อย่างแม่นยำยิ่งขึ้น
เนื้อหาที่เกี่ยวข้อง
คำถามพบบ่อย
Beauty & Wellness trend 2025 คืออะไร?
คือแนวโน้มที่รวมความงามและสุขภาพเข้าด้วยกัน ครอบคลุมทั้งการดูแลผิว สุขภาพกาย และจิตใจ
แบรนด์ไทยจะได้ประโยชน์จากเทรนด์นี้อย่างไร?
สามารถใช้สมุนไพรท้องถิ่นและนวัตกรรมใหม่เพื่อสร้างความแตกต่างและเพิ่มความน่าเชื่อถือในตลาดโลก
K-Beauty ยังคงมีอิทธิพลหรือไม่?
ยังมีบทบาทสูง แต่ผู้บริโภคไทยเริ่มหาความแตกต่างจาก Thai Botanical Skincare
ผลิตภัณฑ์ใดที่เติบโตเร็วที่สุดในปี 2025?
ครีมกันแดด สกินแคร์บำรุงผิวหน้า และอาหารเสริมเพื่อความงามมีอัตราเติบโตสูงสุด
เจ้าของแบรนด์ควรเริ่มต้นตรงไหน?
ควรศึกษาตลาดและเลือกพาร์ทเนอร์ OEM ที่มีความเข้าใจเทรนด์ เช่น โรงงานผลิตเซรั่มที่มีมาตรฐานสากล
Wise Plus Grow เข้าใจทุกความต้องการของเจ้าของแบรนด์
Wise Plus Grow คือ โรงงานผลิตครีม โรงงานเครื่องสำอาง และโรงงานสกินแคร์ ที่ได้รับมาตรฐานสากล ASEAN GMP และ ISO 22716 ให้บริการรับผลิตแบบ OEM ODM OBM ที่ครบวงจร ตั้งแต่พัฒนาสูตร ผลิต ออกแบบบรรจุภัณฑ์ ไปจนถึงการตลาด ทีม R&D ของเราพร้อมช่วยออกแบบสูตรให้เหมาะกับกลุ่มเป้าหมายของคุณ เพื่อให้แบรนด์ของคุณแตกต่างด้วยคุณภาพ ความปลอดภัย และความน่าเชื่อถือในตลาดจริง
- มาตรฐานการผลิตระดับสากล ASEAN GMP & ISO 22716
- ทีม R&D วิจัยและพัฒนาสูตรเฉพาะแบรนด์
- บริการครบวงจร OEM ODM OBM จบในที่เดียว
- มีประสบการณ์ความเชี่ยวชาญด้านการผลิตและส่งออกผลิตภัณฑ์สกินแคร์ทั่วอาเซียน
ติดต่อสอบถามเพิ่มเติม
สำนักงานใหญ่: บริษัท ไวส์พลัสโกร จำกัด (Wise Plus Grow Co., Ltd.)
ที่อยู่: เลขที่ 323 หมู่ 19 ตำบลไร่น้อย อำเภอเมืองอุบลราชธานี จังหวัดอุบลราชธานี 34000
โทรศัพท์: 063-554-2465
LINE: @wiseplusgrow
Email: wiseplusgrow324@gmail.com
เวลาทำการ: 09:00 น. – 17:00 น.
วันทำการ: จันทร์ – อาทิตย์
สอบถามออนไลน์: เปิดตลอด 24 ชั่วโมง



