CFS หนังสือรับรองการจำหน่าย (Certificate of Free Sale) CFS คืออะไร?

หนังสือรับรองการจำหน่าย CFS (Certificate of Free Sale) คือเอกสารสำคัญที่ออกโดย สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) เพื่อรับรองว่า “ผลิตภัณฑ์นั้นได้รับอนุญาตให้จำหน่ายภายในประเทศไทยอย่างถูกต้อง” และสามารถส่งออกไปจำหน่ายยังต่างประเทศได้ตามกฎหมาย

เอกสาร CFS ถือเป็น “ใบเบิกทาง” สำหรับแบรนด์ที่ต้องการส่งออกสินค้า เช่น ครีม โลชั่น เซรั่ม หรือเครื่องสำอาง ไปยังตลาดต่างประเทศ เช่น จีน เวียดนาม เกาหลี หรือสหภาพยุโรป ซึ่งประเทศผู้นำเข้าจะใช้เอกสารนี้เพื่อยืนยันว่า ผลิตภัณฑ์ดังกล่าวผ่านการอนุมัติและจำหน่ายได้ในประเทศต้นทางแล้วจริง

CFS คืออะไร และออกโดยหน่วยงานใด

CFS (Certificate of Free Sale) เป็นเอกสารที่ออกให้โดย “หน่วยงานรัฐ” เพื่อรับรองสถานะการจำหน่ายสินค้าอย่างถูกต้องภายในประเทศ ปัจจุบันในประเทศไทย หน่วยงานหลักที่ออก CFS คือ สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ภายใต้กระทรวงสาธารณสุข

ผลิตภัณฑ์ที่สามารถขอ CFS ได้ ได้แก่ เครื่องสำอาง อาหารเสริม เวชสำอาง และผลิตภัณฑ์สุขภาพอื่น ๆ ที่ได้รับ “เลขที่จดแจ้ง อย.” หรือ “ใบอนุญาตผลิต” อย่างถูกต้องแล้ว

ตัวอย่างเอกสาร CFS

ความสำคัญของหนังสือรับรอง CFS สำหรับแบรนด์และโรงงาน

• เป็นหลักฐานรับรองคุณภาพและความปลอดภัยของสินค้า
• เป็นเอกสารประกอบสำคัญในการยื่นขออนุญาตนำเข้าในต่างประเทศ
• สร้างความเชื่อมั่นให้คู่ค้าหรือผู้นำเข้าในตลาดต่างประเทศ
• ช่วยเพิ่มความน่าเชื่อถือของแบรนด์และโรงงาน OEM

สำหรับ โรงงานผลิตครีม ที่มีระบบการผลิตมาตรฐาน เช่น GMP หรือ ISO 22716 การมี CFS จะช่วยเปิดโอกาสให้ลูกค้าสามารถส่งออกสินค้าไปยังตลาดอาเซียน ยุโรป หรือจีน ได้สะดวกขึ้น

ใครสามารถขอหนังสือรับรอง CFS ได้บ้าง

• เจ้าของผลิตภัณฑ์ที่มีชื่อในใบจดแจ้ง อย.
• ผู้ผลิต หรือผู้ได้รับมอบหมายจากเจ้าของผลิตภัณฑ์
• โรงงานรับผลิต OEM ที่ได้รับอนุญาตและมีเอกสารการผลิตครบถ้วน

กรณีที่เป็นการขอผ่าน โรงงาน OEM ผู้ขอต้องมีหนังสือมอบอำนาจจากเจ้าของผลิตภัณฑ์แนบในการยื่นคำขอทุกครั้ง

ขั้นตอนการขอหนังสือรับรองการจำหน่าย (CFS)

ขั้นตอนการขอหนังสือรับรอง CFS ตามแนวทางของ อย. มีดังนี้:

1. ยื่นคำขอผ่านระบบออนไลน์ของ อย. (ระบบบริการอิเล็กทรอนิกส์ อย.)
2. แนบเอกสารประกอบ เช่น ใบจดแจ้งผลิตภัณฑ์ (เลข อย.) และเอกสารรับรองโรงงาน
3. เจ้าหน้าที่ตรวจสอบข้อมูลความถูกต้อง
4. ออกหนังสือรับรอง CFS (ภาษาอังกฤษ) ใช้ได้สำหรับการยื่นนำเข้าสินค้าต่างประเทศ

เอกสารประกอบการขอ CFS

• สำเนาใบจดแจ้งผลิตภัณฑ์ (ใบ อย.)
• สำเนาใบอนุญาตผลิตหรือใบรับรองโรงงาน GMP
• สำเนาหนังสือรับรองบริษัท (ไม่เกิน 6 เดือน)
• ฉลากผลิตภัณฑ์ (ทั้งภาษาไทยและอังกฤษ)
• หนังสือมอบอำนาจ (กรณีมอบหมายให้ผู้อื่นยื่นแทน)

ในบางกรณี เจ้าหน้าที่อาจขอเอกสารเพิ่มเติม เช่น ใบ COA (Certificate of Analysis) เพื่อยืนยันคุณภาพของผลิตภัณฑ์ก่อนออก CFS

ระยะเวลาและค่าธรรมเนียมโดยประมาณ

โดยทั่วไป การพิจารณาออกหนังสือรับรอง CFS ใช้เวลาประมาณ 5–10 วันทำการ นับจากวันที่ยื่นเอกสารครบถ้วน และมีค่าธรรมเนียมต่อฉบับอยู่ที่ประมาณ 500–1,000 บาท ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับประเภทผลิตภัณฑ์และจำนวนรายการที่ยื่นขอ

ความแตกต่างระหว่าง CFS และใบรับรอง อย.

โรงงานผลิตครีมที่สามารถออก CFS เพื่อส่งออกได้

โรงงานที่ได้รับมาตรฐานการผลิตระดับสากล เช่น GMP, ISO 22716 หรือ ASEAN Cosmetic GMP จะสามารถยื่นขอหนังสือรับรอง CFS ให้กับผลิตภัณฑ์ที่ผลิตภายในโรงงานได้ ซึ่ง โรงงานผลิตครีม Wise Plus Grow เป็นหนึ่งในผู้ผลิตที่สามารถดำเนินการเอกสาร CFS ร่วมกับลูกค้าได้ครบวงจร ตั้งแต่ขั้นตอนการพัฒนาสูตร ผลิตจริง ไปจนถึงการเตรียมเอกสารส่งออก เพื่อให้แบรนด์สามารถขยายตลาดไปต่างประเทศได้อย่างถูกต้อง

สรุป หนังสือรับรอง CFS คือตั๋วผ่านด่านสู่ตลาดความงามต่างประเทศ

หนังสือรับรองการจำหน่าย (CFS) ไม่ได้เป็นเพียงเอกสารประกอบการส่งออก แต่เป็นเครื่องยืนยันคุณภาพของผลิตภัณฑ์ในระดับสากล ช่วยสร้างความเชื่อมั่นทั้งต่อตลาดและคู่ค้าต่างประเทศ การเลือก โรงงานผลิตครีม ที่มีความพร้อมด้านเอกสาร CFS และมาตรฐาน GMP จึงเป็นก้าวสำคัญของแบรนด์ที่ต้องการเติบโตสู่ตลาดโลกอย่างมืออาชีพ

คำถามที่พบบ่อย (FAQ)

หนังสือรับรองการจำหน่าย (CFS) คืออะไร?

คือเอกสารรับรองจาก อย. ว่าผลิตภัณฑ์นั้นได้รับอนุญาตให้จำหน่ายในประเทศไทย และสามารถส่งออกได้อย่างถูกต้อง

ใครสามารถขอ CFS ได้บ้าง?

เจ้าของผลิตภัณฑ์หรือโรงงานผู้ผลิตที่มีใบอนุญาตและเอกสารครบถ้วนสามารถยื่นขอได้โดยตรง

CFS ใช้เวลาออกกี่วัน?

โดยทั่วไปใช้เวลาประมาณ 5–10 วันทำการ หลังจากยื่นเอกสารครบถ้วน

CFS มีอายุการใช้งานนานเท่าไร?

หนังสือรับรอง CFS มีอายุ 1 ปี นับจากวันที่ออกโดย อย.

จำเป็นต้องมี CFS ทุกกรณีหรือไม่?

จำเป็นเฉพาะสินค้าที่จะ “ส่งออก” ไปต่างประเทศเท่านั้น สำหรับสินค้าที่ขายภายในประเทศใช้ใบจดแจ้ง อย. ได้เพียงอย่างเดียว