ระดับความเข้มน้ำหอม EDP, EDT, EDC ต่างกันอย่างไร เลือกแบบไหนให้เหมาะกับคุณ

หลายคนเวลาซื้อน้ำหอมมักเจอตัวย่ออย่าง EDP EDT และ EDC แล้วสงสัยว่าคืออะไร ต่างกันตรงไหน และควรเลือกแบบไหนให้เหมาะกับการใช้งานจริง ความจริงแล้วตัวย่อเหล่านี้หมายถึงระดับความเข้มข้นของน้ำมันหอมระเหยในสูตร ซึ่งส่งผลต่อความติดทน การกระจายตัวของกลิ่น และบุคลิกโดยรวมของน้ำหอม บทความนี้จะพาไปทำความเข้าใจทั้งความหมาย เปรียบเทียบข้อแตกต่าง และวิธีเลือกใช้ให้เข้ากับไลฟ์สไตล์และสภาพอากาศร้อนชื้นแบบไทย

รู้จักน้ำหอมแต่ละประเภท (Perfume, EDP, EDT, EDC) คืออะไร

น้ำหอม แต่ละประเภทถูกแบ่งตามระดับความเข้มข้นของน้ำมันหอมระเหย ซึ่งส่งผลโดยตรงต่อความติดทนและการกระจายกลิ่น การเข้าใจความหมายของ Perfume EDP EDT และ EDC จะช่วยให้เลือกใช้น้ำหอมได้ตรงกับโอกาสและสภาพอากาศที่แตกต่างกัน

Perfume / Parfum / Extrait (น้ำหอมเข้มข้นที่สุด)

น้ำหอมเข้มข้นสูงสุด ราว 20-30% ขึ้นไป ติดทน 6-10 ชั่วโมงหรือมากกว่า กลิ่นลึก นุ่มแน่น ใช้ปริมาณเพียงเล็กน้อย เหมาะกับการใช้งานช่วงเย็น งานเลี้ยง หรือโอกาสพิเศษ

Eau de Parfum – EDP (น้ำหอมเข้มข้นปานกลาง)

น้ำหอมระดับความเข้มข้น 15-20% ให้ความติดทน 4-8 ชั่วโมง กลิ่นชัดเจนแต่ไม่แรงจนเกินไป เหมาะกับการใช้งานในชีวิตประจำวัน ทั้งทำงานตอนกลางวันและออกงานช่วงค่ำ

Eau de Toilette – EDT (น้ำหอมโทนเบาสดชื่น)

น้ำหอมเข้มข้น 5-15% ติดทน 2-5 ชั่วโมง กลิ่นใส เบาสบาย กระจายตัวดีในช่วงแรก เหมาะกับอากาศร้อนหรือใช้ระหว่างวันโดยไม่รบกวนคนรอบข้าง

Eau de Cologne – EDC (น้ำหอมเบารีเฟรชไว)

น้ำหอมเข้มข้นเพียง 2-8% ติดทนประมาณ 1-2 ชั่วโมง กลิ่นโทนซิตรัสหรือสมุนไพร ใช้สำหรับเติมความสดชื่นบ่อยๆ หรือพกไว้ในกระเป๋า

เปรียบเทียบ EDP, EDT, EDC และ Perfume

เลือกน้ำหอมให้ตรงสไตล์และอากาศในเมืองไทย

การเลือกน้ำหอมไม่ใช่เพียงดูว่าชอบกลิ่นไหน แต่ยังต้องพิจารณาสภาพอากาศและโอกาสในการใช้งาน โดยเฉพาะในเมืองร้อนชื้นแบบประเทศไทย ที่กลิ่นระเหยเร็วและอาจแรงเกินไปในที่อับ

• ทำงานออฟฟิศ: แนะนำให้เลือก EDT หรือ EDP โปรเจคชันไม่แรงเกินไป ใช้ได้ทั้งวันโดยไม่รบกวนเพื่อนร่วมงาน
• ออกเดทหรืองานเลี้ยงช่วงเย็น: ใช้ EDP หรือ Perfume โทนวู้ดดี้ วานิลลา หรืออำพัน เพื่อเสริมเสน่ห์
• กลางวันร้อนหรือกิจกรรมกลางแจ้ง: EDT หรือ EDC โทนซิตรัส-อะควาติก เติมได้ระหว่างวัน

Myth เทียบกับ Fact ที่คุณควรรู้

หลายคนเข้าใจผิดเกี่ยวกับความต่างของ EDP, EDT และน้ำหอมประเภทอื่นๆ ซึ่งอาจทำให้เลือกใช้น้ำหอมไม่ตรงความต้องการ ด้านล่างคือความเชื่อที่มักพบบ่อย พร้อมข้อเท็จจริงที่ถูกต้อง

EDP ติดทนกว่า EDT เสมอไปไหม?

ตอบเลยว่าไม่เสมอไป สูตรของแต่ละแบรนด์แตกต่าง บางครั้ง EDT โปรเจคชันดีและติดทนกว่าก็มี

ฉีดเยอะทำให้ติดทนนานขึ้นจริงเหรอ?

ไม่จำเป็น การฉีดน้ำหอมมากเกินไปอาจทำให้กลิ่นล้น เลือกตำแหน่งและปริมาณพอดีจะได้ผลที่ดีกว่า

เช็คลิสวิธีเลือกน้ำหอม

• เลือกกลิ่นที่เข้ากับบุคลิก เช่น สะอาด สดชื่น หรูหรา หรืออบอุ่น
• พิจารณาโอกาสใช้งาน เช่น ทำงาน, เดท, งานกลางคืน
• ทดสอบบนผิวจริง รออย่างน้อย 30 นาทีถึง 6 ชั่วโมง
• เริ่มจากไซส์เล็กหรือดีแคนท์ เพื่อลดความเสี่ยง

สรุป

EDP, EDT, EDC และ Perfume แตกต่างกันที่ความเข้มข้นและความติดทน ไม่มีประเภทใดดีที่สุด แต่มีแบบที่เหมาะกับโอกาส บุคลิก และสภาพอากาศต่างกัน สำหรับผู้ที่สนใจพัฒนาแบรนด์น้ำหอมเอง ปัจจุบันมีทั้ง โรงงานรับผลิตน้ำหอม ที่รองรับการสร้างสูตรเฉพาะ รับผลิตน้ำหอมในสเกลเริ่มต้น และ โรงงานน้ำหอม ที่พร้อมช่วยออกแบบบรรจุภัณฑ์และขึ้นทะเบียน อย. ครบวงจร

คำถามพบบ่อย

EDP กับ EDT ต่างกันอย่างไร

EDP เข้มข้นและติดทนกว่า ในขณะที่ EDT เบา สดชื่น และเหมาะกับอากาศร้อน

อากาศร้อนควรใช้น้ำหอมแบบไหน

EDT หรือ EDC โทนซิตรัสและอะควาติก เหมาะที่สุดสำหรับกลางวัน

Perfume เหมาะกับใคร

คนที่ต้องการกลิ่นลึก ติดทน และใช้งานในห้องแอร์หรือโอกาสพิเศษ

EDC ติดทนน้อยเกินไปหรือไม่

EDC ถูกออกแบบมาเพื่อรีเฟรช ใช้เติมระหว่างวัน ไม่เน้นความทนยาวนาน

มือใหม่ควรเริ่มจากอะไร

แนะนำ EDT เพราะใช้ง่าย สดชื่น และไม่แรงเกินไป