ขนบนใบหน้า ไม่ว่าจะเป็นไรขนอ่อนๆ หรือขนบริเวณหนวดและจอนที่เห็นได้ชัด อาจเป็นปัญหาที่ทำให้สาวๆ หลายคนขาดความมั่นใจ ทำให้ผิวดูไม่เรียบเนียนและแต่งหน้าได้ยากขึ้น การเลือก “วิธีกำจัดขนบนหน้าด้วยตัวเอง” จึงเป็นทางออกที่สะดวกและเป็นที่นิยม แต่สิ่งสำคัญที่สุดคือต้องเลือกวิธีที่ “ปลอดภัย” และเหมาะสมกับสภาพผิว เพื่อให้ได้ผลลัพธ์เป็น “ผิวใส” เรียบเนียน ไม่เกิดการระคายเคืองหรือปัญหาผิวอื่นๆ ตามมา บทความนี้ได้รวบรวม 5 วิธีกำจัดขนบนใบหน้ายอดนิยมที่สามารถทำได้เองที่บ้าน พร้อมเจาะลึกถึงข้อดี-ข้อเสีย และเคล็ดลับการดูแลผิวอย่างมืออาชีพ
เตรียมผิวก่อนกำจัดขน และข้อควรระวังสำคัญ
ก่อนจะเริ่มกำจัดขน การเตรียมผิวให้พร้อมเป็นขั้นตอนที่สำคัญมากเพื่อลดการระคายเคืองและให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด:
- ทำความสะอาดผิวหน้า ล้างหน้าให้สะอาดหมดจดเพื่อขจัดสิ่งสกปรกและน้ำมันส่วนเกิน
- งดการสครับผิว หลีกเลี่ยงการสครับหรือผลัดเซลล์ผิวบริเวณที่จะกำจัดขน 2-3 วันก่อนทำ เพื่อไม่ให้ผิวบอบบางจนเกินไป
- ผิวต้องแข็งแรง ไม่ควรทำการกำจัดขนในช่วงที่ผิวมีสิวอักเสบ, เป็นผื่นแพ้, ระคายเคือง, หรือผิวไหม้แดด
- ทดสอบการแพ้ (Patch Test) สำหรับผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ โดยเฉพาะ “ครีมกำจัดขนบนใบหน้า” หรือแว็กซ์ ควรทดสอบกับบริเวณเล็กๆ (เช่น หลังหูหรือท้องแขน) ทิ้งไว้ 24 ชั่วโมงเพื่อดูว่ามีอาการแพ้หรือไม่
5 วิธีกำจัดขนบนหน้าด้วยตัวเอง: ข้อดี-ข้อเสีย และวิธีที่ถูกต้อง
1. การกันหน้า/โกน (Facial Shaving/Dermaplaning)
- ลักษณะ: เป็นการใช้มีดโกนสำหรับใบหน้าโดยเฉพาะ (Eyebrow Razor หรือ Dermaplaning Tool) ปาดไปบนผิวเพื่อกำจัดขนอ่อนๆ (Vellus Hair) และเซลล์ผิวที่ตายแล้วออกไป
- เหมาะกับ: ขนอ่อนๆ ทั่วใบหน้า, ช่วยให้ผิวเรียบเนียน แต่งหน้าง่ายขึ้น
- ข้อดี: ง่าย, รวดเร็ว, ไม่เจ็บ, ราคาไม่แพง
ข้อเสีย/ข้อควรระวัง: - ขนจะขึ้นมาใหม่ค่อนข้างเร็ว (1-3 วัน) และปลายเส้นขนที่ถูกตัดอาจทำให้รู้สึกเหมือนขนแข็งขึ้น (แต่จริงๆ แล้วขนไม่ได้หนาขึ้น)
- มีความเสี่ยงที่จะเกิดการบาดหากใช้มีดโกนไม่คมหรือไม่ถูกวิธี
- อาจทำให้ผิวแห้งหรือระคายเคืองได้ในบางคน
วิธีที่ถูกต้อง ทำบนผิวที่แห้งและสะอาด หรืออาจทาเบบี้ออยล์หรือเจลว่านหางจระเข้บางๆ เพื่อลดการเสียดสี ถือมีดโกนทำมุม 45 องศากับผิว แล้วค่อยๆ ปาดเบาๆ ไปตามแนวขน
2. การถอน (Tweezing)
- ลักษณะ: ใช้แหนบ (Tweezers) ดึงเส้นขนออกมาจากรากทีละเส้น
- เหมาะกับ: การกำจัดขนเฉพาะจุด เช่น การจัดแต่งทรงคิ้ว, ขนบริเวณคาง หรือขนเส้นเดี่ยวๆ ที่ไม่ต้องการ
- ข้อดี: กำจัดขนได้ถึงราก ทำให้ขนขึ้นช้ากว่าการโกน (นาน 3-6 สัปดาห์), แม่นยำสูง
ข้อเสีย/ข้อควรระวัง - เจ็บ และอาจทำให้ผิวบริเวณนั้นแดงชั่วคราว
- ใช้เวลานานหากต้องการกำจัดขนในบริเวณกว้าง
- มีความเสี่ยงต่อการเกิดขนคุด (Ingrown Hair) หากดึงผิดทิศทาง
วิธีที่ถูกต้อง ประคบผิวด้วยผ้าชุบน้ำอุ่นเพื่อเปิดรูขุมขนก่อนถอน ใช้แหนบที่สะอาดจับเส้นขนให้ชิดโคนแล้วดึงออกอย่างรวดเร็วตามทิศทางการงอกของเส้นขน
3. การแว็กซ์ (Waxing)
- ลักษณะ: ใช้แว็กซ์ (ชนิดร้อนหรือเย็น) ทาลงบนผิวแล้วใช้ผ้าหรือแผ่นแปะดึงออกในทิศทางตรงกันข้ามกับแนวขน
- เหมาะกับ: บริเวณที่ต้องการความเรียบเนียนเป็นพิเศษ เช่น หนวด, ขนบริเวณจอน, หรือคิ้ว
- ข้อดี: กำจัดขนได้ถึงราก ทำให้ผิวเรียบเนียนและขนขึ้นช้า (นาน 3-6 สัปดาห์)
ข้อเสีย/ข้อควรระวัง - เจ็บมากที่สุดในบรรดาวิธีที่กล่าวมา
- เสี่ยงต่อการระคายเคือง, รอยแดง, ผิวไหม้ (หากใช้แว็กซ์ร้อนเกินไป) หรือผิวหนังชั้นนอกหลุดลอก
- ไม่เหมาะอย่างยิ่ง สำหรับผู้ที่ใช้ยารักษาสิวในกลุ่มเรตินอยด์ (Retinoids) หรือมีผิวที่บอบบางมาก
- ต้องมีความยาวของเส้นขนที่เหมาะสมเพื่อให้แว็กซ์จับได้
4. ครีมกำจัดขน (Depilatory Creams)
- ลักษณะ: ใช้สารเคมี (เช่น Thioglycolic Acid) ในการละลายโปรตีนเคราตินของเส้นขน ทำให้เส้นขนอ่อนตัวและเช็ดออกได้ง่าย
- เหมาะกับ: บริเวณหนวด, จอน (สำหรับขนเส้นบาง)
- ข้อดี: ไม่เจ็บ, ทำได้ง่ายและรวดเร็ว
ข้อเสีย/ข้อควรระวัง - มีความเสี่ยงสูงต่อการเกิดอาการแพ้และผิวไหม้จากสารเคมี ผิวหน้ามีความบอบบางกว่าส่วนอื่น จึงต้องเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่ระบุว่า “สำหรับใบหน้า” โดยเฉพาะ
- ต้องทำการทดสอบการแพ้ (Patch Test) ทุกครั้งก่อนใช้
- มักมีกลิ่นฉุน
- ผลลัพธ์อยู่ได้ไม่นานเท่าการแว็กซ์ เพราะเป็นการกำจัดขนที่ระดับผิวหนัง
5. เครื่องกำจัดขนไฟฟ้าขนาดเล็ก / เครื่อง IPL ที่บ้าน (Small Epilators / At-Home IPL)
- Epilator: เป็นเครื่องที่ใช้หัวหนีบเล็กๆ จำนวนมากในการถอนเส้นขนออกจากรากอย่างรวดเร็ว
- IPL (Intense Pulsed Light): เป็นเครื่องที่ใช้พลังงานแสงความเข้มสูงในการทำลายรากขน ทำให้ขนขึ้นช้าลงและบางลงเมื่อทำอย่างสม่ำเสมอ
- เหมาะกับ: ผู้ที่ต้องการผลลัพธ์ระยะยาวและยอมรับความเจ็บได้ (Epilator) หรือมีความอดทนและวินัยในการทำอย่างต่อเนื่อง (IPL)
- ข้อดี: ให้ผลลัพธ์ที่ยาวนานกว่าวิธีอื่น
ข้อเสีย/ข้อควรระวัง - Epilator ค่อนข้างเจ็บ, IPL อาจรู้สึกเหมือนโดนหนังยางดีด
- มีราคาสูงกว่าวิธีอื่น
- เครื่อง IPL ที่บ้านอาจมีประสิทธิภาพไม่เท่ากับเครื่องที่คลินิก และ ไม่เหมาะกับทุกสีผิวและสีขน (มักจะได้ผลดีกับคนที่มีขนสีเข้มและผิวสีอ่อน) มีความเสี่ยงต่อการเกิดผิวไหม้หรือการเปลี่ยนแปลงของเม็ดสีหากใช้ไม่ถูกวิธี
การดูแลผิวหลังกำจัดขน สเต็ปสำคัญสู่ “ผิวใส” ไม่ระคายเคือง
หลังการกำจัดขน ผิวจะอยู่ในภาวะบอบบางและต้องการการปลอบประโลมเป็นพิเศษ
- ปลอบประโลมผิว ใช้เจลว่านหางจระเข้บริสุทธิ์ (ไม่มีแอลกอฮอล์), ผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของแพนทีนอล (Panthenol), หรือประคบเย็นเบาๆ เพื่อลดอาการแดงและแสบร้อน
- ให้ความชุ่มชื้น ทามอยส์เจอไรเซอร์สูตรอ่อนโยน ปราศจากน้ำหอมและแอลกอฮอล์ เพื่อฟื้นฟูเกราะป้องกันผิว
- หลีกเลี่ยงปัจจัยกระตุ้น งดใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของสารผลัดเซลล์ผิว (AHA, BHA), เรตินอยด์, หรือวิตามินซีความเข้มข้นสูง บริเวณที่กำจัดขนอย่างน้อย 24-48 ชั่วโมง
- งดการสครับผิว และหลีกเลี่ยงการสัมผัสหรือถูผิวบริเวณนั้นแรงๆ
- ปกป้องผิวจากแสงแดด ผิวหลังกำจัดขนจะไวต่อแสงแดดมาก ควรทาครีมกันแดดที่มีค่า SPF 30 ขึ้นไปเป็นประจำ เพื่อป้องกันการเกิดรอยดำหลังการอักเสบ (PIH)
เมื่อไหร่ควรเลือกทำโดยผู้เชี่ยวชาญ?
หากคุณมีผิวที่บอบบางมาก, มีขนที่หนาและเข้ม, หรือต้องการผลลัพธ์ระยะยาวที่ปลอดภัยและมีประสิทธิภาพที่สุด การกำจัดขนโดยผู้เชี่ยวชาญในคลินิกความงาม เช่น การทำ “เลเซอร์กำจัดขน” ถือเป็นทางเลือกที่ดีที่สุด เพราะอยู่ภายใต้การดูแลของผู้เชี่ยวชาญ มีเครื่องมือที่ทันสมัยและได้มาตรฐาน ซึ่งช่วยลดความเสี่ยงและให้ผลลัพธ์ที่ดีกว่าการทำเองที่บ้าน
การกำจัดขนบนใบหน้าด้วยตัวเองสามารถทำได้อย่างปลอดภัยหากคุณเลือกวิธีที่เหมาะสมกับสภาพผิวและปฏิบัติตามขั้นตอนอย่างถูกวิธี ที่สำคัญที่สุดคือการให้ความสำคัญกับการดูแลผิวทั้งก่อนและหลังการกำจัดขน เพื่อให้คุณได้ผลลัพธ์เป็นผิวที่เรียบเนียน กระจ่างใส และสุขภาพดีอย่างแท้จริง